บล.บัวหลวง: 

Commerce – ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ (OVERWEIGHT)

รัฐบาลชุดใหม่วางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคและเศรษฐกิจ เรามองว่ามาตรการเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่ (ทั้งทางตรงและทางอ้อม) โดยเราแนะนำเลือกลงทุนในหุ้นที่พื้นฐานแข็งแกร่งและได้อานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากที่สุด

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่จะกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคในอนาคต

แม้ว่าฐานกําไรในครึ่งหลังของปี 2565 ที่สูงจะส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตของกำไรในครึ่งหลังของปี 2566 ชะลอตัวลงสำหรับกลุ่มค้าปลีก แต่เรายังคงคาดว่าช่วงไฮซีซั่นของไตรมาสที่ 4 และมาตรการกระตุ้นทางการคลังของรัฐบาลชุดใหม่จะกระตุ้นการบริโภคโดยรวมในไตรมาส 4/66 หลังเข้ารับตำแหน่ง คณะรัฐมนตรีของคุณเศรษฐา ทวีสิน ได้ประกาศมาตรการรองรับค่าครองชีพและเพิ่มอุปสงค์ โดยมาตรการที่เริ่มในเดือน ก.ย. ได้แก่ การปรับลดราคาค่าไฟฟ้าและน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน (จำกัดเฉพาะรถแท็กซี่ และรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง/พนักงานส่งของ) และแก๊ซหุงต้ม (ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการ) นอกจากนี้จะมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจากจีนและคาซัคสถาน

เราคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคทั้งทางตรงและทางอ้อมในไตรมาส 4/66 จากความสามารถในการใช้จ่ายที่ดีขึ้นจากค่าครองชีพที่ลดลง และรายได้จากการท่องเที่ยว สำหรับผู้ค้าปลีก นอกเหนือจากการ ได้รับประโยชน์จากการความสามารถในการจับจ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นแล้ว ต้นทุนพลังงานต่อหน่วย (โดยทั่วไปจะเท่ากับประมาณ 2% ของยอดขาย) และราคานั้ามันดีเซลที่ลดลง (ดังนั้นต้นทุนด้านลอจิสติกส์จึงลดลง) จะส่งผลให้ กำไรเพิ่มขึ้น เมื่อมองไปข้างหน้า เราคาดว่าแผนการแจกเงินสดดิจิทัลมูลค่า 10,000 บาท และประกาศค่าแรงขั้นต่ำที่สูงขึ้น (เป็น 400 บาท/วัน) ซึ่งมีแนวโน้มจะใช้ต้นปี 2567 (นโยบายเหล่านี้ไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการของเรา) น่าจะส่งผลต่อกำไรของกลุ่มค้าปลีกได้อีกทางหนึ่ง ดังนั้นเราจึงวิเคราะห์ สถานการณ์เพื่อประเมินแนวโน้มที่จะส่งผลต่อประมาณการกำไรของเรา

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่

เพื่อที่จะเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ต่อ กำไรของผู้ค้าปลีกเราจึงทำการวิเคราะห์ผ่าน scenario analysis หากนโยบายที่ประกาศทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการลดค่าครองชีพ (การลดราคาค่าไฟฟ้าและเชื้อเพลิง) ดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2567 เราคาดว่ากําไรรวมในปี 2567 ของหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่เราให้คำแนะนำจะเพิ่มขึ้น 2.2% สำหรับค่าไฟต่อหน่วยที่ลดลงทุกๆ 10% และเพิ่มขึ้น 1.8% สำหรับราคา น้ำมันดีเซลที่ลดลงทุกๆ 5% จากประมาณการกรณีพื้นฐานของเรา ในทางกลับกัน หากเพิ่มค่าจ้างรายวันขั้นต่ำเป็น 400 บาท กำไรสุทธิรวมปี 2567 จะต่ำกว่าที่เราคาด 2% (สมมติว่าผลกระทบทั้งปี) ทั้งนี้ การวิเคราะห์ของเรา ชี้ให้เห็นว่าหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่เราให้คำแนะนำจะเป็นผู้รับผลประโยชน์สุทธิจากแผนนโยบายใหม่ในปี 2567

ทั้งนี้ เรายังไม่ได้มองถึงความสามารถในการใช้จ่ายที่เกิดจากค่าแรงขั้นต่ำที่สูงขึ้นซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายของผู้ค้าปลีกได้มากน้อยเพียงใด

ผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด

เรายังคงชอบค้าปลีกที่มีกลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลางถึงสูงและมีแนวโน้มได้อานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากที่สุดจากส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูง เช่น CPN, CPALL และ CRC นอกจากนี้หากรัฐบาลชุด ใหม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ (เช่น แจกกระเป๋าเงินดิจิทัลมูลค่า 10,000 บาทที่ใช้จ่ายอะไรก็ได้) CPAXT, COM7 และ HMPRO ก็อาจอยู่ในความสนใจเช่นกัน

 

- Advertisement -