บล.กรุงศรีฯ:

CONTRACTOR SECTOR – ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำน้อยลง (NEGATIVE)

  • What’s new

รัฐบาลจะกำหนดค่าแรงขั้นต่ำอัตราใหม่ภายในสิ้นปีนี้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกมาให้ข่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ค่าแรงขั้นต่ำอัตราไม่จะไม่ใช่ 400 บาท/วัน อย่างที่เคยระบุไว้ก่อนหน้านี้ โดยค่าแรงขั้นต่ำจะทยอยปรับขึ้น โดยอิงตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคีจะได้สรุปค่าแรงขั้นต่ำอัตราใหม่ภายในเดือนพฤศจิกายน

  • Analysis

ผลกระทบจะน้อยกว่าที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าวว่าภายใต้ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ค่าแรงน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2% มีผลวันที่ 1 มกราคม 2024 (เฉลี่ย 337 บาท/วัน ทั่วประเทศ) อย่างไรก็ตาม นโยบายค่าแรง 400 บาท/วัน จะเป็น “การจ่ายตามทักษะ” ของแรงงาน ไม่ใช่ค่าแรงขั้นต่ำรายวัน

คาดว่ากลุ่มผู้รับเหมางานเสาเข็มและฐานรากจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย

เรามองว่ากลุ่มผู้รับเหมางานเสาเข็มและฐานราก (PYLON, SEAFCO) จะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย เพราะ backlog ที่มีในมือจะรับรู้เป็นรายได้หมดใน 4Q23- 1Q24 ทั้งนี้ ต้นทุนแรงงานคิดเป็น 5-6% ของต้นทุนรวมเท่านั้น ในขณะเดียวกัน ผู้รับเหมารายหลัก (CK, STEC) จะได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะต้นทุนแรงงานของ CK คิดเป็น 8% ของต้นทุนรวม และของ STEC คิดเป็น 5-10% ของต้นทุนรวม ทั้งนี้ หากใช้สมมติฐานว่ามีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 2% จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 0.16% และ 0.1-0.2% ในกรณีที่ปรับขึ้นเป็น 400 บาท/วัน จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของ CK และ STEC ลดลง 1.44% และ 1.80% ตามลำดับ

คาดว่าโครงการภาครัฐจะเร่งตัวขึ้น หลังจากที่รัฐบาลใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่

เราคาดว่าโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มตะวันตกจะเซ็นสัญญาได้ใน 1H24 ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยกระตุ้น CK และผู้รับเหมางานเสาเข็มและฐานราก (PLYON, SEAFCO) ในขณะเดียวกัน เราคาดว่ากระแสการเปิดประมูลโครงการภาครัฐจะเริ่มจากปี 2024 เป็นต้นไป อย่างเช่น รถไฟฟ้า MRT สายสีแดง, รถไฟทางคู่ และมอเตอร์เวย์

  • Action/Recommendation

เราชอบ SEAFCO และ CK มากกว่า

สำหรับผู้รับเหมารายหลัก เราชอบ CK เนื่องจากมี backlog แข็งแกร่งถึง 1.40 แสนล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในอีกสามปีข้างหน้า และยังมีโมเมนตัมด้านบวกจาก BEM อีก จากจำนวนผู้โดยสารที่อยู่ในระดับสูงของรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน (420,000 เที่ยว/วัน ในเดือนสิงหาคม 2023) ในขณะเดียวกัน เราเลือก SEAFCO เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มผู้รับเหมางานเสาเข็มและฐานราก เนื่องจาก i) ผลประกอบการมีแนวโน้มแข็งแกร่งใน 3Q23 ii) จะถูกกระทบน้อยมากจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ iii) มีโอกาสจะได้ backlog เพิ่มอีกเป็นจำนวนมากในระยะสั้นถึงกลาง จากโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มตะวันตก และโครงการรถไฟฟ้า MRT ในประเทศบังกลาเทศ

 

- Advertisement -