ลงแล้ว ลงอยู่ ลงต่อ 20 / 1,510-1,525
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET ถูกกดดันให้ลงต่อ : แรงกดดันจากการชะลอการลงทุนและเทขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อนที่จะทราบผลการประชุม FOMC ในวันพรุ่งนี้ (ตามเวลาไทย) โดย CME FedWatch Tool ให้น้ำหนัก 99% และ 71% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้ และครั้งถัดไปตามลำดับ อย่างไรก็ดี ติดตามถ้อยแถลงของปธ.เฟดและ Dot plot เพื่อจับสัญญาณของศก.สหรัฐฯ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยสําหรับการประชุมครั้งถัดไป ขณะที่ Yield พันธบัตรัฐบาลสหรัฐฯ 2 และ 10 ปี ที่ดีดตัวขึ้นทดสอบระดับ 5.12% และ 4.37% ตามลำดับ ก่อนที่เฟดจะแถลงผลการประชุม และ Yield Curve ของไทยที่ปิดวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าประมาณ 4-12 bps หลังจากก.คลังจัดประชุม Market Dialogue ประกาศจะกู้ยืมเพิ่มขึ้นใน FY67 โดยเป็นการออกพันธบัตรระยะยาวเพิ่มขึ้นเป็น 1.25 ล้านล้านบาท คาดเป็นแรงกดดันต่อ SET Index เช่นกัน นอกจากนี้ Fund flow ยังมีแนวโน้มถูกกดดันสอดรับค่าเงินบาทอ่อนค่าทะลุระดับ 36 บาท/$ ซึ่งเป็นการอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 10 เดือน ทั้งนี้ ทางฝ่ายแนะนำให้ Selective ในหุ้น/Sector ที่มีปัจจัยทางบวกเฉพาะตัว แต่หากนักลงทุนรับความเสี่ยงได้น้อยให้ชะลอการลงทุนไปก่อน ขณะที่วันนี้ติดตาม 1) Loan Prime Rate 1 ปี และ 5 ปีของจีน ตลาดคาดคงไว้ที่ระดับ 3.45% และ 4.20% จึงมองว่าไม่สามารถเป็นแรงหนุนต่อตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ และ 2) CPI เดือนส.ค.ของ UK ตลาดคาด +7.0%y-y และ +0.7% m-m เร่งตัวขึ้นจาก +6.8% y-y และพลิกจากที่ -0.4% m-m ในเดือนก.ค. ทั้งนี้ การเร่งตัวของเงินเฟ้อจะเป็นแรงหนุนให้ BoE ดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดต่อไป และเป็นแรงกดดันต่อศก.UK อย่างไรก็ดี พรุ่งนี้ติดตามผลการประชุม BoE ซึ่งอาจเผยให้เห็นถึงสัญญาณเพิ่มเติม โดยทางฝ่ายคาดการประชุมครั้งดังกล่าว BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50%
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) Defensive play: ADVANC, BCH, BCPG, BH, CHG, INTUCH 2) ท่องเที่ยว: CENTEL, ERW 3) Commodities play: PSL, PTTEP, STA, ITA 4) Selective play: BLA, ITC, MEGA, SNNP, TLI และ 5) Short sell: CK, STEC
ปัจจัยบวก
- BOI เผยในช่วงเวลา 1 ปี ตั้งแต่การเปิดตัวมาตรการ LTR Visa อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 65 มีผู้ยื่นขอ LTR Visa แล้วรวม 4,842 ราย และประเมินว่าผู้ยื่นขอจะมีการใช้จ่ายราว 1 ลบ./คน/ปี คาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าทางศก.ไม่ต่ำกว่า 4 พันลบ.
- กองศก.การท่องเที่ยวและกีฬาเผยประเทศไทยมีจำนวนนทท. ต่างชาติสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. – 17 ก.ย. 66 จํานวน 19 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนทท.ต่างชาติแล้ว 7.95 แสนลบ.
ปัจจัยลบ
- TDRI กล่าวถึงมาตรการลดค่าไฟฟ้าเหลือ 3.99 บาท/หน่วย มองความน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคาดว่าจะใช้รูปแบบยืดหนี้หรือภาระต้นทุนจาก กฟผ.ออกไปก่อน โดยแนวทางดังกล่าวย่อมสร้างต้นทุนในกับกฟผ. และอาจจะทําให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นสูงขึ้นมากกว่า 6 บาทกว่า/หน่วย
- สหรัฐฯเผยตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนส.ค.ดิ่งลง 11.3%m-m สู่ 1.28 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.63 และต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 144 ล้านยูนิตจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จํานอง
- AmCham เซี่ยงไฮ้ เผยผลสำรวจพบว่าบริษัทสหรัฐฯ มีมุมมองบวกต่อแนวโน้มการทำธุรกิจในจีนระยะ 5 ปี ลดลงสู่ระดับ 52% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการออกรายงานศก.จีนของ AmCham เซี่ยงไฮ้เป็นครั้งแรกในปี 42 จากปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์และการชะลอตัวทางศก
- รองผู้ว่าการ BoE เผยธนาคารพาณิชย์อังกฤษเสี่ยงเผชิญหนี้เสียเพิ่ม มากขึ้นหลังถูกกดดันจากมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลในช่วงเกิดโควิด 19
PICKS OF THE DAY
ADVANC BUY
- เป้าหมาย 230.00/235.00 แนวรับ 218.00/220.00
- ได้รับโอนใบอนุญาตจาก NT สู่ AWN: โดยทาง AWN ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ADVANC ได้รับในอนุญาตคลื่น 700 MHz จากทาง NT นอก จากนี้ยังได้สัญญาเช่าโครงข่ายไร้สาย Roaming รวม 2 สัญญา ทำให้มีโอกาสได้รับค่าเช่าต่อไปในอนาคต
- iPhone ใหม่ หนุนเครื่องติดแพ็กเกจ: หลังApple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ทางฝ่ายคาดราคาจะเริ่มตอบรับปัจจัยบวกก่อนวันรับเครื่องจริง ทำให้บริษัทมีโอกาสบูส ARPU จากแพ็กเกจที่ขายพ่วง รวม ทั้งยอดขาย accessories ที่จะตาม มา นอกจากนี้กำลังเข้าสู่ช่วง High season ทางธุรกิจ ทำให้มีโอกาสเห็นผลการดำเนินงาน 2H66 เติบ โตกว่า 1H66
MEGA BUY
- เป้าหมาย 46.00/47.00 แนวรับ 44.00
- ตั้งเป้าโตต่อใน 2H66 และโต 2 เท่าในปี 2568: ผู้บริหารระบุ 2H66 โตต่อ เร่งผลิตสินค้าหนุนกำไรโตตามเป้า เตรียมสร้างโรงงานยา ยาใน อินโดฯ ซึ่งจะเริ่มใน Q4/67 โดยผู้ บริหารตั้งเป้าจะเพิ่มผลประกอบ การเป็น 2 เท่าได้ในปี 2025 ซึ่งวางแผนจะเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 172 รายการใน 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้รายได้ส่วนไหญ่กว่า 70% เป็นยารักษาโรคซึ่งเป็นสินค้าจำเป็นทำให้มีความผันผวนของรายได้ต่ำ
- ค่าเงินบาทอ่อนค่าหนุน: ธุรกิจ Maxx Care ที่มีสัดส่วนกว่า 46.5% ของรายได้รวมมีที่มาของรายได้จากการส่งออกไปยัง เมียนม่า เวียดนาม และ กัมพูชา ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจึงช่วยหนุนรายได้โตต่อ