ASL ANALYSIS GUIDE

SET index ยังคงโมเมนตัมลบแต่ภาพระยะสั้นอาจเห็นการรีบาวนด์เพื่อลงต่อ แนะนำ Trading ในกรอบ 1,500/1,518

  • ประเด็นการลงทุน
1.เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้
2.Tech war ปะทุขึ้นอีกครั้ง
3.ปัจจัยในประเทศ
  • วันนี้เคาะ BDMS แนวโน้ม 3Q66F คาดว่าจะขยายตัวทั้ง QoQ และ YoY ตามการใช้บริการทั้งลูกค้าชายไทยและต่างชาติ รวมถึงเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ

MARKET STRATEGY

สรุปตลาดวานนี้ SET ปิดที่ 1,507.90 จุด ลดลง 15.06 จุด (-0.99%) มูลค่าการซื้อขาย 54,490.73 ล้านบาท ทขายลดเสียงก่อนรู้ผลประชุมเฟด จับตาสัญญาณดอกเบี้ยเดือนพ.ย.

Research Highlight: เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้

เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้
  • เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ย 5.25-5.50% ตามคาด กิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่การจ้างงานชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงมีความแข็งแกร่ง และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงปรับตัวขึ้น
  • โดยการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (dot plpt) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง สู่ระดับ 5.6% ภายในสิ้นปีนี้ และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง สู่ระดับ 5.1% ในช่วงสิ้นปี 2567 และแตะ 3.9% ในช่วงสิ้นปี 2568 ขณะที่แตะ 2.9% ในช่วงสิ้นปี 2569 ขณะที่คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ระดับ 2.5%
  • ขณะที่มีการปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจ โดยปรับเพิ่ม GDP ปีนี้ขึ้นจากเดิมขยายตัว 1% เป็น 2.1% อัตราการว่างงานลดลงจากเดิมที่ 4.1% สู่ระดับ 3.8% และ PCE เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็น 3.3% จากเดิมที่ 3.2%
  • เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจตลาดมีแนวโน้มฟื้นตัว แม้ว่าเฟดจะส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ตาม ระยะกลางชอบกลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก ธนาคาร และเดินเรือ
Tech war ปะทุขึ้นอีกครั้ง
  • รัฐบาลจีน กล่าวหาว่าสหรัฐได้เจาะเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทหัวเว่ยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2552 อย่างไรก็ตาม  กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้
  • ซึ่งในสัปดาห์ที่แล้ว หลายหน่วยงานทางการสหรัฐได้รวมตัวกันเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ยุติการออกใบอนุญาตให้หัวเว่ย และบริษัท เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง อินเทอร์เนชั่นแนล คอร์ป (SMIC) ของจีน หลังหัวเว่ยได้เริ่มวางจำหน่าย Huawei Mate 60 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญ เพราะใช้ชิประดับ 7 นาโนเมตรที่ผลิตในจีนเอง โดยบริษัท SMIC ซึ่ง ทางการสหรัฐมองว่าอาจเป็นช่องทางให้จีนสอดแนมเครือข่ายโทรคมนาคมของสหรัฐได้
  • ในเชิงกลยุทธ์ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ และจีน คือกลุ่มนิคมฯ เรา ชอบ WHA AMATA
ปัจจัยในประเทศติดตาม
  • ทิศทาง fund flow ที่ต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทะลุ 36 บาท/ ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นในกลุ่มบิ๊กแคปออกมากดดัน ในเชิงกลยุทธ์เป็นบวกต่อกลุ่มส่งออก เราชอบ HANA KCE GFPT CFRESH
  • แผนการคลังระยะกลางเสี่ยงขาดดุลงบประมาณเพิ่ม ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการออกพันธบัตรเพิ่ม กดดันให้เงินทุนไหลออก
  • กกพ.-กฟผ.-ปตท. มีมติปรับลดค่าก๊าซธรรมชาติที่เรียกเก็บจากกิจการผลิตไฟฟ้า ซึ่งแต่เดิมกําหนดไว้ 323.37 บาทต่อล้านบีทียู เป็นไม่เกิน 304.79 บาทต่อล้านบีทียู มองเป็นลบต่อ PTT
Investment Strategy
  • ประเมิน SET ยังคงโมเมนตัมลบ แต่ภาพระยะสั้นอาจเห็นการรีบาวนด์เพื่อลงต่อ แนะนำ Trading ในกรอบ 1500/1518 หากรับความเสี่ยงได้แนะนำ selective buy หุ้นรายตัวที่ราคาปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับ แต่หากรับความเสียงไม่ได้ แนะนํา wait and see

Global Markets

(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันพุธ (20 ก.ย.) หลังจากเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมครั้งล่าสุด แต่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ เนื่องจากเฟดยังไม่เสร็จสิ้นภารกิจการต่อสู้กับเงินเฟ้อ

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกในวันพุธ (20 ก.ย.) เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในยุโรปปรับตัวลง  ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟด ซึ่งประกาศหลังตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการ

(-) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดลบในวันพุธ (20 ก.ย.) หลังจากเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมครั้งล่าสุด แต่ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการชื้อขายในตลาดนํ้ามัน และบดบังปัจจัยบวกจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

(+) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดบวกในวันพุธ (20 ก.ย.) ก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการชื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม

หุ้นเคาะไป คุยไป… BDMS

  • แนวโน้ม 3Q66F คาดว่าจะขยายตัวทั้ง QoQ และ YoY ตามการใช้บริการทั้งลูกค้าชายไทยและต่างชาติ รวมถึงเป็นช่วง high season ของธุรกิจ รวมถึงโรคระบาดที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังรับรู้ รพ.ศูนย์เฉพาะทาง ซึ่งมีค่ารักษา และมี GPM ที่สูง หนุนให้ GPM เฉลี่ยในงวดจะสูงกว่าไตรมาสก่อนที่ 33.3% และปีก่อนที่ 34.4% อย่างไรก็ดี ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้รวมทั้งปีขยายตัว 6-8% (1H66 +7%YoY) และ EBITDA margin ที่ 24% (1H66 อยู่ที่ 23.6%) สะท้อนภาพครึ่งหลังของปีจะขยายตัวโดดเด่นตามแผนการผลักดันสัดส่วนลูกค้าต่างชาติให้เพิ่มขึ้น และการขยายจํานวนเตียงในพื้นที่ EEC ใน 2-3 ปีข้างหน้า
  • เราประเมินแนวโน้มปี 2566-67 เราประมาณการรายได้เท่ากับ 9.74 หมื่นล้าน และ 10.25 หมื่นล้าน คิดเป็นการเติบโตที่ 7.4% และ 5.2% ตามลำดับ และประมาณกำไรสุทธิเท่ากับ 1.26 หมื่นล้าน และ 1.33 หมื่นล้าน คิดเป็นการเติบโตที่ 4.4% และ 5.2% ตามลำดับ เนื่องจากมองว่าระดับคนเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว การมี Excellent Center มากขึ้นจะช่วยเพิ่มกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพทั้งคนไทยและต่างชาติ ประกอบกับมีกลุ่มลูกค้าต่างชาติใหม่อย่างซาอุดีอาระเบีย และกลุ่ม CLMV ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุน และกุระจายพอร์ตรายได้มากขึ้น ด้านต้นทุนการจัดซื้อและค่าบุคลากรที่เพิ่มขึ้นไม่กระทบมากนัก เนื่องจากยังสามารถปรับราคาได้ เราแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท อิงวิธี DCF ที่ WACC เท่ากับ 7.05%
- Advertisement -