Daily Focus: Selective Play 

Mid – ​​2024 SET Target: 1650

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับลงแรงกว่าที่คาด ปิดลบถึง 15.06 จุด ณ สิ้นวัน ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้นเป็น 5.5 หมื่นลบ. โดยดัชนีปรับลงกระจายตัวเกือบทั้งหมดทุกกลุ่มฯ โดยเฉพาะพลังงานและปิโตรเคมี มีเพียงกลุ่มธนาคารและหุ้นขนาดใหญ่อย่าง DELTA BDMS CPN ที่ยืนทรงตัวได้แข็งกว่าตลาด สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่นต่อเนื่องอีก 1.2 พันลบ. และ 2.25 พันลบ. ตามลำดับ (ข้างนอกยัง Short Index Futures สามารถเลือกได้กว่า 3 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีแนวโน้มแกว่งตัวลงต่อเนื่อง โดยมีฐานแนวรับหลักในรอบก่อนหน้าที่ 1,500-1,490 จุด โดยถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ หลังผลการประชุม FED โดยเฉพาะ Dot Plot ออกมา Hawkish กว่ารอบการประชุมเดือน มิ.ย. โดยมองดอกเบี้ยปี 2024 จะยืนสูงกว่าที่คาดการณ์เดิม ทำให้ Bond Yield และ Dollar Index ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แม้จะมีการปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 2023-24 ขึ้น แต่ปรับลดคาดการณ์ Core PCE ปี 2023 ลง แต่โดยรวมผลการประชุมยังกดดันสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงถูกกดดันจากประเด็น Bond Yield เช่นกัน โดย 10 ปีขยับขึ้นทำ New High ต่อเนื่องที่ 3.26% จากทั้งโอกาสที่กนง.จะยังขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 2.5% ในการประชุมปลายเดือนนี้ และตลาดกังวลระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP จะลดลงต่อเนื่อง จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ต้องใช้งบประมาณสูง โดยเฉพาะเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ซึ่งอาจมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะถูกปรับลด Outlook จาก Credit Rating Agency กลุ่มพลังงานคาดว่าลดความร้อนแรง หลังราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับลงและมีความเสี่ยงกระทบจากนโยบายภาครัฐที่ต้องการลดราคาพลังงานในประเทศ ส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะยังแกว่งตัวได้แข็งกว่าตลาด ได้แก่ ธนาคาร สื่อ การแพทย์ จากแนวโน้มกำไร 3Q23 ที่โดดเด่นส่วนระยะยาวยังมองบวกต่อกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคที่มีโอกาสฟื้นตัวในระยะถัดไป จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมาใน 4Q23-2024

กลยุทธ์: เลือกหุ้นที่มีโมเมนตัมกำไร 3Q23 แข็งแกร่ง // ถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมบริเวณ 1,500+- จุดไปแล้ว

หุ้นเด่นเดือน ก.ย. : AOT, CPALL, CPN, NSL, TIDLOR

หุ้นเด่นวันนี้ : CPN

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 82 บาท
  • เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางกำไรของ CPN ใน 2H23 หลังทุกธุรกิจกลับมาปกติตั้งแต่ 1Q23 บริษัทยังคงมีแผนขยาย ศูนย์การค้า ออฟฟิศ โรงแรมและอสังหาฯ ภายใน 5 ปี (2566-27) ด้วยเงินลงทุน 1.35 แสนลบ. และตั้งเป้าหมายรายได้โตเฉลี่ย 14-16% ต่อปี ในช่วงปี 2023-27
  • ประมาณการของเรา Conservative กว่ามาก โดยคาดรายได้โตเฉลี่ย +8% CAGR สำหรับปี 2023-24 เราคาดกำไรทำ new high ที่ 1.3 หมื่นลบ . +18% y-y และ 1.4 หมื่นลบ. +9% y- Y ตามลำดับ แต่ราคาหุ้นยังต่ำกว่าจุดสูงสุดในปี 2017
  • แนวรับ 64//62 บาท แนวต้าน 67//70 บาท

Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$884 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$636 ล้าน และ US$209 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนยังคงไหลออกเกือบทุกประเทศ และสูงสุดที่ไทย US$63 ล้าน และมีเพียงอินโดนีเซียที่ไหลเข้า US$52ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังไหลออก หลัง Dot Plot จากการประชุม FED สะท้อนว่าแนวโน้มดอกเบี้ยจะสูงยาวนานกว่าที่คาดในปีหน้า

ประเด็นสําคัญวันนี้

(-) ผลการประชุม FED ออกมา Hawkish กว่ารอบก่อน โดยประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25%-5.50% ตามคาดในรอบนี้ แต่ตัวเลข Dot Plot บ่งชี้ว่าเฟดคาดดอกเบี้ยจะปรับขึ้นอีกหนึ่งครั้งปีนี้ และจะปรับลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปี 2024 น้อยกว่าที่เคยประเมินไว้ 4 ครั้งในการประชุมรอบเดือน มิ.ย. ขณะเดียวกันเฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปีนี้ขึ้นเป็นเติบโต +2.1% จากที่คาด +1% เมื่อเดือนมิ.ย. อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลงเป็น 3.7% จาก 3.9% เมื่อเดือนมิ.ย. ขณะที่ Bond Yield สหรัฐปรับเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 16 ปี อยู่ที่ 4.4% จากแนวโน้มดอกเบี้ยที่จะสูงยาวนานกว่าคาด ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนปรับลง นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรับข่าวดังกล่าวในระยะสั้น อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่เติบโตแข็งแกร่ง ซึ่งจะลดแรงกดดันสินทรัพย์เสี่ยงในระยะยาว

(+) ASW เข้าซื้อหุ้น 67.61% ใน TITLE (ทำคอนโดในภูเก็ต) รวมมูลค่า 1.2 พันลบ. คาดผลประโยชน์ที่ได้ คือ ที่ดิน 80 ไร่ บนชายหาดสวยงามและมีชื่อเสียงที่สามารถพัฒนาโครงการอสังหาฯ ได้ราว 9 โครงการ มูลค่า 1.4 หมื่นลบ. ในระยะเวลา 3 ปี และเพิ่มสะท้อนการพัฒนาโครงการดังกล่าว เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2024-25 ราว 15-20% เป็นเติบโต +27% y-y และ +11% y-y ตามลำดับ ขณะที่แนวโน้มกำไรปกติ 2H23 จะแข็งแกร่งจากการสร้างคอนโดใหม่ โดยคาดกำไร 3Q23 เติบโตอย่างมีนัยะและสูงสุดใน 4Q23 เราคาดกำไรทั้งปี 2023 ที่ 1 พันลบ. +47% y-y ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2024 ที่ 11 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) ETL หุ้น IPO ใหม่ เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross border transport carrier) ระหว่างประเทศและประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย เมียนมาร์ กัมพูชา ลาว เวียดนาม รวมถึงฮ่องกงและจีน ที่มีการเชื่อมต่อพรมแดนทางถนนและรางรถไฟ บริษัทมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ WICE (ถือ 36.9% หลัง IPO) รายได้และกำไรปี 2020- 21 โตสูงจากการที่ลูกค้าหันมาใช้การขนส่งทางบกข้ามพรมแดนแทนการขนส่งทางทะเลและอากาศจากค่าระวางที่พุ่งสูง สถานการณ์ Covid-19 ที่เริ่มหายไป ส่งผลให้กำไรปี 2022 หดตัว 45% y-y และเริ่มทรงตัวได้ในปีนี้ กำไร 1H23 +17% y-y เราคาดกำไรปี 2023 +13% y-y ปีหน้า +47% y-y ประเมินราคาเป้าหมายปี 2024 ที่ 2.50 บาท (Finansia เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย 21 September 2023

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 76.85 จุด หรือ -0.22% ปิดที่ 34,440.88 จุด หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมครั้งล่าสุด แต่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ เนื่องจากเฟดยังไม่เสร็จสิ้นภารกิจการต่อสู้กับเงินเฟ้อ

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในยุโรปปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟด ซึ่งประกาศหลังจากตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการ

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ หลังจากเฟดคงอัตราดอกเบี้ยตลาดคาด แต่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 36.28 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 82 เซนต์ หรือ 0.91% ปิดที่ 89.66 ดอลลาร์/ บาร์เรล หลังจากเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมครั้งล่าสุด แต่ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมัน ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 89.17 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.55%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 13.40 ดอลลาร์ หรือ 0.69% ปิดที่ 1,967.10 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม ในขณะที่เช้านี้ย่อตัวลงที่ระดับ 1,949.40 ดอลลาร์/ ออนซ์ -0.90%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 878.25/ -0.58

- Advertisement -