บล.บัวหลวง:

Retail Finance – การฟื้นตัวยังคงช้าไปจนถึงไตรมาส 4/66 (UNDERWEIGHT)

แม้ว่ากลุ่มการเงินรายย่อยจะได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาล แต่เรายังคงคาดว่า NIM จะปรับตัวลดลงและสัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมที่อยู่ในระดับสูงจะส่งผลต่อตัวเลขในครึ่งหลังของปี 2566 เราแนะนำเล่นหุ้นที่มีคุณภาพสินทรัพย์ดี ปัจจุบันเราแนะนำซื้อเพียงหุ้น TIDLOR

กลุ่มการเงินรายย่อยได้ประโยชน์ทางอ้อมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล …

เราคาดการเติบโตของ GDP สำหรับประเทศไทยอยู่ที่ 2.7% ในปี 2566 และ 3.8% ในปี 2567 เราคาดว่าการเติบโตของ GDP จะเร็วขึ้นในช่วงไตรมาส 4/66 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2567 หนุนโดยจํานวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะได้รับแรงหนุนโดยตรงจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ เช่น การให้เงินสดในกระเป๋าเงินดิจิทัลมูลค่า 10,000 บาท และทางอ้อมจากการท่องเที่ยวขาเข้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก YoY และ QoQ (หนุนจากวีซ่าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน) เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นจะสร้างอุปสงค์ต่อสินเชื่อให้เพิ่มขึ้นในไตร มาส 4/66 และปี 2567

…แต่ NIM ปรับตัวลดลงและคุณภาพสินทรัพย์ยังคงเป็นปัญหา…

เราคาดว่า ธปท. จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนระยะ 1 วันอีก 25bps มาอยู่ที่ 2.5% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินวันที่ 27 ก.ย. ดังนั้น หุ้นกลุ่มการเงินรายย่อยมีแนวโน้มที่จะรายงาน NIM ที่ลดลงในไตรมาส 4/66 และปี 2567 โดยพอร์ตสินเชื่อของบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยคงที่ (ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิต) แต่การหาเงินกู้ยืมใหม่ ๆ จะมีการกําหนดรอัตราดอกเบี้ยที่มีอยู่ (สูงกว่า)

เราคาดว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่จะช่วยลดค่าครองชีพด้วยการปรับลดราคาค่าไฟฟ้าและระงับหนี้สินของเกษตรกร แต่จะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าของผู้ให้สินเชื่อรายย่อยในระยะสั้นเท่านั้น กลุ่มการเงินรายย่อยจะ รายงานสัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมเฉลี่ยสูงขึ้นอย่างค่อนข้างแน่นอนภายในปี 2566 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยบางพื้นที่ยังคงฟื้นตัวช้ามาก การผลิตและการส่งออกจะอ่อนแอเป็นพิเศษ แต่เราคาดว่าสัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมของ TIDLOR จะผ่อนคลายลง ณ สิ้นปี 2566 (ผู้ให้บริการสินเชื่อจํานําทะเบียนรถรายแรกที่เราให้คำแนะนำที่ออกจากแนวโน้มสัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมขาขึ้น) เนื่องจากในครึ่งแรกของปี 2566 บริษัทได้เข้มงวดกฎการอนุมัติสินเชื่อ  อัตราการผิดนัดชำระหนี้ต่ำสำหรับสินเชื่อที่ TIDLOR ออกในครึ่งแรกของปี 2566 และครึ่งหลังของปี 2566 จนถึงปัจจุบัน

…มูลค่าหุ้นตึงตึงแล้ว

เราให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มการเงินรายย่อย “น้อยกว่าตลาด” หุ้นทั้ง 4 บริษัทที่เราให้คำแนะนำมีค่าเฉลี่ย PER ปี 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ 15.6 เท่า และเราคาดอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรปี 2566-68 ที่ 9% ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วน PEG ที่ 1.7 เท่า ซึ่งตึงตัวแล้ว ปัจจุบันเราแนะนำซื้อเพียงหุ้น TIDLOR เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทปรับตัวดีขึ้น และซื้อขายที่ PER ปี 2556 ที่ 16.1 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยสองปีอยู่ 1.2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในเดือนพ.ค. 2564) ในขณะที่อัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรปี 2566-68 อยู่ที่ 12% คิดเป็นอัตราส่วน PEG ที่ 1.3 เท่า PBV ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 2.0 เท่า (ต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยสองปีอยู่ 1.9 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน)

- Advertisement -