ขึ้นไม่ไหว แต่ลงจํากัด / 1,515-1,530

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET มองลงจำกัด ภายนอกภาพลบ ภาพภายในเป็นบวก ลักษณะ Selective ตาม Sector: ด้วยภาพแรงกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก ทั้งฝั่งสหรัฐและยุโรปจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจะสูงยาวนาน นำโดยเฟตที่ยังส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้ เพื่อลดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมาย 2% ในเวลาที่เหมาะสม นอกจากนี้ ทางฝ่ายยังคาดภาพตลาดหุ้นวันนี้จะถูกกดดันจากทั้ง Dollar Index ที่แข็งค่าทดสอบ 106 จุด และ Bond Yield สหรัฐที่ดีดตัวสูงโดย 2 ปี และ 10 ปี ทดสอบระดับสูงสุดในรอบกว่า 16 ปี ที่ 5.20% และ 4.51% ตามลำดับ ด้าน Fund-flow ตลาดหุ้นไทยยังถูกขายต่อเนื่อง 1.89 หมื่นล้านบาท MTD และขายสุทธิ 1.54 แสนล้านบาท YTD เป็นแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่ม Big Cap. สำหรับปัจจัยภายในต้องพิจารณาเป็นรายกลุ่มไปในลักษณะ Selective โดยเรื่องแผนขึ้นค่าแรง 400 บาทของรัฐบาล ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระยะแรกที่จะเสนอเข้าครม.ในช่วงเดือนพ.ย. เพื่อให้ทันต่อการบังคับใช้ 1 ม.ค.67 นี้ ทางฝ่ายมองประเด็นดังกล่าวจะเป็นแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างมากที่สุด แต่มองเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่ม Spending ภายในประเทศ, กลุ่มสินเชื่อขนาดย่อย นอกจากนี้ราคาน้ำมัน WTI ที่ยังยืนระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ยังมองเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มโรงกลั่น, ด้านกลุ่มท่องเที่ยวทางฝ่ายมองได้ประโยชน์จากวันนี้จะเป็นวันแรกที่ใช้มาตรการฟรีวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน โดยกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬารายงานนักท่องเที่ยวสะสมเข้าไทยแล้วกว่า 19 ล้านคน YTD ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 271%y-y ขณะที่กลุ่มส่งออกมองยังได้ประโยชน์จากบาทที่ทางหลักอ่อนค่า และกลุ่มนิคมฯ ทางฝ่ายยังมองแข็งแรงจากนายกฯเยือน UN เพื่อดึงนักลงทุนเข้าไทยรวมทั้ง BOI ที่อนุมัติส่งเสริมมากขึ้นในปีนี้
  • กลยุทธ์การลงทุน: 1) น้ำมันขาขึ้น: PTTEP, SPRC, TOP 2) จีนหยุดยาวเที่ยวไทย: AOT, CPN, ERW, M, SPA, TKN 2) บาทอ่อนค่าหนุนส่งออก: AAI, KCE, TU 3) นิคมฯ : AMATA, ROJNA, WHA 4) Selective: ADVANC, BCH, BH, COM7, INTUCH

ปัจจัยบวก

  • ผู้บริหาร Microsoft กล่าวชื่นชมไทย ขณะเยือนงาน UNGA ว่ามีจุดแข็งสามารถเป็นศูนย์กลาง Regional Hub ที่จะเป็น Data Center ของภูมิภาค
  • คาดกลุ่มค้าปลีก ICT และกลุ่ม Operator ค่ายโทรศัพท์ได้แรงหนุนจากกระแส iPhone 15 ที่รับเครื่องวันแรกในวันศุกร์ที่ผ่าน มาตอบรับดีเกินคาด ทำให้มีโอกาสเห็นการเติบโตของยอดขายเครื่อง และเครื่องติดแพ็คเกจเพิ่มขึ้นในท้าย 3Q-ต้นงวด 4Q66
  • อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยการจดทะเบียนธุรกิจใหม่ เดือน ส.ค. 7,424 ราย (+0.08%y-y) และมีมูลค่าทุนจดทะเบียน 24,906 ลบ. (+2.1%y-y)
  • BOI อนุมัติการส่งเสริมการลงทุนแก่บริษัทรถยนต์ BEV 2 บริษัทในเขต EEC ได้แก่ Changan Auto และ Aion Automobile

ปัจจัยลบ

  • Moody’s ทบทวนเครดิต บ.พัฒนาอสังหาฯ ในจีน ซึ่งมี 2 แห่งที่แนวโน้มเสี่ยงปรับลด ได้แก่ China Jinmao และ China Vanke สะท้อนปัญหาวิกฤตหนี้อสังหาฯ ในจีน
  • JPM ประกาศลดอันดับความน่าลงทุน SCB ลงจาก Neutral สู่ Under Weight โดยคาด Credit Cost สูงขึ้น, การชะลอตัวของธุรกิจสินเชื่อ AutoX และมองคุณภาพสินทรัพย์ยังมีความเสี่ยงจาก 1) ความเสี่ยงด้านการตัดหนี้สูญ (Write-off) ของธุรกิจ CardX และ 2) ธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคที่อ่อนแอลง
  • สมาชิกสภานิติบัญญัติเนเธอร์แลนด์เสนอแผนสนับสนุนขึ้นภาษีภาคธนาคาร เพื่อรองรับการใช้จ่ายด้านการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และสนับสนุนการดูแลเด็กในปีหน้า

PICKS OF THE DAY

CPN BUY

  • เป้าหมาย 68.50/70.00 แนวรับ 64.00/65.00
  • 3Q66 คาดรายได้โตต่อแม้ใน Low Season: แนวโน้มรายได้ใน 3Q66 ยังคงโต q-q และ y-y ตามรายได้ จากค่าเช่าพื้นที่ศูนย์การค้าซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทที่ยังสามารถฟื้นตัวได้ดี โดยกลับมาอยู่ระดับเดียวกับช่วง Pre-Covid ตั้งแต่ 1Q66 ซึ่งมี OCC Rate ที่ 90% และ 91% ใน 2Q66
  • คาดรายได้ 4Q66 โตโดดเด่น: จากการเข้าสู่ช่วง High Season ของการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการฟรีวีซ่า หนุนทุกธุรกิจในเครือ CPN รวมถึงการทยอยเปิดโปรเจ็คใหม่ เช่น Central Westville ใน 4Q66, โรงแรมเซ็นทาราอยุธยาและชลบุรี, GO! Hotel ศรีราชาและชลบุรี และ ยอดโอนบ้านใน 2H66

KCE BUY

  • เป้าหมาย 55.00/ 57.00 แนวรับ 51.00 / 52.00
  • ได้บาทอ่อน: ค่าเงินบาท/ดอลลาร์ ในปัจจุบันอ่อนค่ากว่าในช่วง 1H66 เป็นประโยชน์ต่อหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะ KCE ได้ประโยชน์มากสุดจากนโยบาย natural hedge ที่ไม่ได้มีเครื่องมือจำกัดความเสี่ยงค่าเงิน และเป็นสกุลเงินที่กระทบกำไรมากสุด โดยเงินบาทเฉลี่ยอ่อนค่าทุก 1% จะทำให้ KCE มีกำไรเพิ่มราว 11.2% ของกำไรสุทธิ
  • วิ่งดีสุด: ผู้บริหารแจ้งในที่ประชุมครั้งล่าสุด อัตรากำลังผลิตกลับมาอยู่ระดับปกติตั้งแต่เดือน ก.ค. และมีคำสั่งซื้อกลับมาเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ คาดว่า 3Q66 จะทำรายได้ อัตรกำไรขั้นต้น และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น q-q ทำให้หุ้น KCE ปรับตัวขึ้นโดดเด่นที่สุดกว่าหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ตัวอื่นในช่วงนี้

 

 

 

- Advertisement -