บล.บัวหลวง:
Bank – สินเชื่อ ณ สิ้นเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 0.8% MoM (OVERWEIGHT)
สินเชื่อของหุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% MoM ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2566 หนุนโดยสินเชื่อลูกค้าองค์กร เราคาดว่าสินเชื่อจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 4/66 มูลค่าหุ้นอยู่ในระดับราคาไม่แพง โดยเราชอบ BBL และ SCB มากที่สุดในกลุ่ม
สินเชื่อสุทธิรวมเพิ่มขึ้น MoM ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2566
ธนาคารทั้ง 7 แห่งที่เราให้คำแนะนำ รายงานสินเชื่อสุทธิรวมที่ 10.8 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 0.8% MoM หนุนโดยสินเชื่อลูกค้าองค์กร สินเชื่อสุทธิเติบโตนำโดย KTB (เพิ่มขึ้น 1.7% MoM: สินเชื่อแก่หน่วยงานภาครัฐ), BBL (เพิ่มขึ้น 1.6% MoM; สินเชื่อธุรกิจองค์กร), TISCO (เพิ่มขึ้น 0.8% MoM; SME, ธุรกิจองค์กร และรายย่อย), KKP (เพิ่มขึ้น 0.6% MoM; สินเชื่อธุรกิจองค์กร), SCB (เพิ่มขึ้น 0.5% MoM; สินเชื่อธุรกิจ องค์กรและสินเชื่อบ้าน), TTB (เพิ่มขึ้น 0.3% MoM; สินเชื่อรายย่อย) ในทางตรงกันข้าม KBANK มีสินเชื่อสุทธิลดลง 0.3% MoM เนื่องจากการชำระคืนของกลุ่มสินเชื่อลูกค้าธุรกิจองค์กรและสินเชื่อบ้าน
เมื่อมองไปยังเงินฝากรวม หุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำอยู่ที่ 12.3 ล้าน ล้านบาท ณ สิ้นเดือน ส.ค. ลดลง 0.2% MoM เนื่องจากบัญชีกระแสรายวันและออมทรัพย์ (CASA) การปรับตัวลดลงของเงินฝาก นำโดย TTB และ KBANK ในทางตรงกันข้าม เงินฝากของ SCB, TISCO และ KKP เพิ่มขึ้น MoM; เงินฝากของ KTB และ BBL ทรงตัว MoM
ความเสี่ยงขาลงต่อการเติบโตของสินเชื่อของ KBANK KKP KTB และ TTB
สินเชื่อสุทธิรวมของหุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำ ณ สิ้นเดือน ส.ค. ลดลง 0.2% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันเราคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตในไตรมาส 4/66 ซึ่งอุปสงค์เงินทุนหมุนเวียนและสินเชื่อรายย่อยที่สูงขึ้นตามฤดูกาล แต่เรา มองเห็นความเสี่ยงขาลงที่ 2-3% จากประมาณการการเติบโตของสินเชื่อ กรณีฐานปี 2566 ที่ 4.3% YoY เนื่องจากธนาคารบางแห่งได้บริหารจัดการหนี้เสียและมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวด (KBANK, KKP, KTB และ TTB) ในทางตรงกันข้าม BBL, SCB และ TISCO น่าจะบรรลุประมาณการของเราในปี 2566 มูลค่ากำไรสะสมรวมของธนาคารที่เราให้คําแนะนําอยู่ ที่ 1.6 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 3.17 หมื่นล้านบาทจากปลาย เดือน มิ.ย. ตามการคำนวณของเรา การเปลี่ยนแปลงกำไรสะสมบ่งชี้ว่า กำไรสุทธิรวมในเดือน ก.ค.และ ส.ค. ค่อนข้างน่าเชื่อถือ แต่จะมีการปรับการตั้งสำรองฯและกำไร/ขาดทุนจากราคาตลาดในงบการเงินไตรมาส 3/66
…แต่ผลกระทบมีแนวโน้มที่จะถูกกลบด้วย NIM ที่เพิ่มขึ้น
หากธนาคารที่เราให้คำแนะนำรายงานการเติบโตของสินเชื่อโดยรวมในปี 2566 ต่ำกว่าที่เราคาด เราคาดว่าผลกระทบนี้จะถูกชดเชยด้วย NIM ที่สูงขึ้นกว่าที่เราคาดไว้ ในปัจจุบัน NIM ของหุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำเฉลี่ยอยู่ที่ 3.28% ในครึ่งแรกของปี 2566 ซึ่งเป็นไปตามประมาณการปี 2566 ของเราที่ 3.26% แต่ NIM เฉลี่ยในไตรมาส 3/66 มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น 42bps YoY และ 5bps QoQ เนื่องจาก Repo Rate ของ BOT เพิ่มขึ้น 25bps ในเดือน พ.ศ. 2566 และเพิ่มขึ้นอีก 25bps ในเดือนส.ค. 2566 ซึ่งจะหนุน NIM ของธนาคารส่วนใหญ่ได้ กำไรสุทธิรวมครึ่งแรกของปี 2566 ของหุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำคิดเป็น 54% ของประมาณการทั้งปีของเรา เรามั่นใจว่าความเสี่ยงด้านลบต่อประมาณการกำไรรวมปี 2566 ของเรานั้นมีจำกัด