KS Daily View 2.10.2023 >>> สหรัฐฯผ่านกฎหมายงบประมาณ กรอบ SET 1,460 – 1,500 จุด หุ้นแนะนำ BCH ADVANC

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

ต่างประเทศ : ดัชนี DJIA -0.47%, S&P 500 -0.27%, NASDAQ +0.14%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Communication discretionary (+0.53%), IT (+0.39%), Real estate (+0.35%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Energy (-1.97%), Financials (-0.89%),Healthcare (-0.77%)

ในประเทศ: SET Index -10.71 จุด หรือ -0.72% ปิดที่ 1,471.43 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ AWC (+4.28%), GPSC (+3.47%), OR (+3.31%), JMT (+3.24%) ส่วนที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ DELTA (-20.43%), AMATA (-5.24%), PSL (-3.96%), HANA (-3.25%)

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

มองแนวโน้มหลักดัชนีตลาดเคลื่อนไหวออกด้านข้างเชิงสูงขึ้น จากปัจจัยภายนอกประเทศที่สหรัฐฯ สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ หลีกเลี่ยงภาวะ Government shutdown ไปจนถึงวันที่ 17 พ.ย. 2566 รวมถึงอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE ที่ปรับตัวลดลงเหลือ 3.9% จาก 4.3% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ตลาดหุ้นจีนปิดทำการทั้งสัปดาห์เนื่องจากช่วง Golden week และการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลหากสูงขึ้นจะกดดันตลาดหุ้น ส่วนปัจจัยภายในประเทศ เป็นการเคลื่อนไหวของหุ้น DELTA ที่ยังคงมีผลต่อดัชนีหุ้นไทย

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐได้ลงนามในกฎหมายงบประมาณชั่วคราวระยะเวลา 45 วัน ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาทีก่อนถึงเส้นตายที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐจะถูกปิดการดำเนินงาน หรือชัตดาวน์ การผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวดังกล่าวจะช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 17 พ.ย. โดยร่างงบประมาณฉบับนี้ครอบคลุมถึงการจัดสรรงบประมาณสำหรับภารกิจการบรรเทาภัยพิบัติวงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ไม่รวมงบประมาณที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครน

2.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทยแสดงความยินดีที่ชาวจีนสนใจเดินทางเยือนประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น หลังรัฐบาลไทยออกนโยบายฟรีวีซ่าชั่วคราวให้กับชาวจีนและคาซัคสถาน โดยเว็บไซต์ซีทริป (CTrip) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ให้บริการท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดของจีน เปิดเผยว่า ชาวจีนจองทริปเยือนต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 20 เท่าในช่วงหยุดยาววันชาติปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และชาวจีนจองโรงแรมในไทยเพิ่มขึ้นถึง 6,220% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยไทยมีแนวโน้มเป็นจุดหมายปลายทางต่างประเทศยอดนิยมอันดับหนึ่งของชาวจีน ตามมาด้วยเกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,460 – 1,500 จุด ทั้งนี้ sentiment การลงทุนในหุ้นไทยยังคงเปราะบาง แต่คาดว่ามีโอกาสฟื้นตัวได้บ้าง หลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลข Core PCE ต่ำกว่าคาด กอปรกับจีนรายงานตัวเลข Manufacturing PMI เดือนก.ย. ที่ 50.2 จุด และ Non-Manufacturing PMI เดือน ก.ย. ที่ 51.7 จุด ซึ่งเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้า และกลับสู่โหมดขยายตัว ส่วนปัจจัยที่จะกำหนดการเคลื่อนไหวของตลาดในสัปดาห์หน้าได้แก่ ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย และในต่างประเทศ, การที่นายกรัฐมนตรีเรียกพบผู้ว่าฯ ธปท.จันทร์หน้า คาดหารือประเด็นเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต, การเคลื่อนไหวของหุ้น DELTA หลังราคาปรับตัวลงกว่า 20.4% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หรือคิดเป็น SET Index ที่หายไปถึง -21 จุด จากการขาย big lot ต่ำกว่าราคาตลาด และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่ DELTA อาจหลุดจาก SET50 ในรอบ 1H24 รวมถึงการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อของไทย รวมถึงตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่เฟดใช้กำหนดนโยบายการเงินในไตรมาส 4/2566

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

BCH (ราคาพื้นฐาน 21.70 บาท) คาดว่ารายได้ไตรมาส 3/2566 น่าจะเป็นไปตามแนวโน้มของช่วงไฮซีซั่น BCH เห็นผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่และโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นในประเทศ การขึ้นอัตราค่าบริการบางส่วน โดยเฉพาะผู้ป่วยใน (IPD) เพื่อรับมือกับค่าสาธารณูปโภคที่สูงขึ้น และมองว่ารัฐบาลชุดใหม่มีโอกาสส่งผลบวกต่อการให้บริการผู้ป่วยสิทธิประกันสังคม (สปส.)

ADVANC (ราคาพื้นฐาน 240.57 บาท) คาดกำไรปกติไตรมาส 3/66 ที่ 7.12 พันลบ. (+14.4% YoY, -1.3% QoQ) และกำไรปกติ 9M66 คิดเป็น 77.5% ของประมาณการกำไรปกติปี 2566 ของเรา พรีวิวการเติบโตของกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 ของเราอยู่ที่ 3.6% YoY ซึ่งต่ำกว่าแนวทางของผู้บริหารเล็กน้อยที่ 4-6% YoY สำหรับทั้งปี 2566

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตาม นายกรัฐมนตรีเรียกพบผู้ว่าฯ ธปท. เข้าหารือ ตามด้วยช่วงค่ำสหรัฐฯจะรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ (US ISM manufacturing PMI) เดือน ก.ย. ตลาดคาดปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจาก 47.6 จุดในเดือนก่อนหน้าเป็น 47.8 จุด หากเป็นไปตามที่ตลาดคาดจะเป็นการปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ยืนยันภาพของการฟื้นตัวในภาคการผลิตของสหรัฐฯซึ่งส่งบวกต่อมายังแนวโน้มการส่งออกของไทย ต่อด้วยติดตามถ้อยแถลงของประธาน Fed นาย Jorome Powell ที่จะมีการพูดคุยหารือกับภาคเอกชน โดยเฉพาะกลุ่ม SME ใน New York ด้านยุโรปมีกำหนดรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิต (Eurozone manufacturing PMI) เดือน ก.ย. ตลาดคาดที่ 43.3 จุด ลดลงเล็กน้อยเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 43.5 จุด
  • วันอังคารติดตามการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมที่ 4.1% ต่อด้วยตัวเลขจำนวนงานที่เปิดรับหาคน (JOLTs job opening) เดือน ส.ค. ตลาดคาดที่ 8.5 ล้านตำแหน่ง เทียบกับ 8.8 ล้านตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า
    -วันพุธติดตามตัวเลขดัชนีภาคบริการยุโรป (Eurozone service PMI) เดือนก.ย. ตลาดคาดที่ 48.4 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 47.9 จุด ต่อด้วยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ (US ADP employment) เดือน ก.ย. ตลาดคาดที่ 150k ตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 177k ตำแหน่ง และตัวเลขดัชนีภาคบริการสหรัฐฯ (US ISM service PMI) เดือน ก.ย. ตลาดคาดที่ 54.0 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่
  • วันพฤหัสบดีติดตามรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย (Headline CPI) เดือน ก.ย. ตลาดคาดปรับตัวลดลงเป็น 0.80% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.88% YoY และตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของไทย (Core CPI) เดือนก.ย. ตลาดคาดที่ 0.70% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.79% YoY
  • วันศุกร์ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (nonfarm payrolls) เดือนก.ย. ตลาดคาดที่ 150k ตำแหน่ง เทียบกับ 187k ตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า ตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐฯเดือน ก.ย. ตลาดคาดลดลงเป็น 3.7% จากเดือนก่อนหน้าที่ 3.8% และอัตราค่าจ้างแรงงานของสหรัฐฯ (Average hourly earnings) เดือนก.ย. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 0.3% MoM เทียบกับเดือนก่อหน้าที่ 0.2% MoM
- Advertisement -