PROS ส่งซิกครึ่งปีหลัง แนวโน้มธุรกิจสดใส เร่งยื่นซองประมูล พร้อมจ่อเซ็นสัญญารับงานใหม่ หนุน Backlog ทะลุ 1,900 ลบ.
บมจ.พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง (PROS) มั่นใจครึ่งปีหลังสดใส ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 10–15% จากแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และภาคงานก่อสร้างที่กำลังปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ ครอบคลุมโครงการก่อสร้างทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ที่กำลังเดินหน้าวางแผนจัดสรรงบประมาณในการลงทุนรอบใหม่ จึงเป็นโอกาสให้บริษัทฯเดินหน้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง หนุน Backlog ทะลุ 1,900 ลบ. ในปี 2566
นายพงศ์เทพ รัตนแสงสรวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเชิงบวก เริ่มมีการวางแผนจัดสรรเดินหน้าการลงทุนในปีงบประมาณใหม่ และมาตรการการกระตุ้นเศษฐกิจของทางภาครัฐดันกำลังซื้อ ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการลงทุนและการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ รวมถึงภาคธุรกิจก่อสร้างที่กำลังเดินหน้าต่อเนื่องครอบคลุมทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน จึงส่งให้บริษัทฯมีโอกาสในการยื่นซองประมูล และได้รับงานในโครงการใหม่ๆที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
โดยบริษัทฯพร้อมเดินหน้าธุรกิจเต็มสูบสร้างรายได้และกำไรให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้พลิกฟื้นผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังให้สดใส จากการทยอยรับรู้รายได้โครงการในมือ (Backlog) ปัจจุบันอยู่ที่ 1,600 ลบ. คาดจะมีโครงการที่แล้วเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ในปีนี้ ประมาณ 29% อีกทั้งการเร่งประมูลโครงการใหม่จากภาครัฐและเอกชน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการที่ได้รับเพิ่มเติมด้านงานติดตั้งระบบวิศวกรรม ซึ่งบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม โครงการห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงโครงการติดตั้ง Solar Rooftop และ EV Charger เป็นต้น
ล่าสุด PROSPER ได้รับเลือกเป็นผู้รับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมให้กับโครงการก่อสร้างโรงงานย่านรังสิต- ลำลูกกา มูลค่ากว่า 300 ลบ. พร้อมเตรียมลงนามทำสัญญา ระยะเวลาโครงการ 13 เดือน โดยจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ของปี 66 และรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/2567 และงานติดตั้งระบบวิศวกรรมโครงการอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการประมูลอีกหลายโครงการ อาทิ งานห้างสรรพสินค้า งานอาคารสำนักงาน งานคอนโดมิเนียม เป็นต้น
“การบริหารงานต่อจากนี้ไป บริษัทฯจะเดินหน้าธุรกิจด้วยความระมัดระวัง บริหารต้นทุน และปิดความเสี่ยงในทุกๆด้าน เน้นรับงานในระยะสั้นสามารถรับรู้รายได้ไวและบริหารต้นทุนได้ดีกว่า พร้อมกับมองหาพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ให้บริษัทฯสามารถส่งมอบงานที่มีคุณภาพภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมถึงมุ่งเน้นรับงานที่มีความเชื่อมั่นในการสร้างรายได้และการทำกำไร โดยเดินหน้าควบคู่กันไปทั้ง 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจก่อสร้าง (Construction Business) 2) ธุรกิจก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย ระบบจำหน่ายไฟฟ้า และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (High Voltage Substation & Renewable Energy Business) 3) ธุรกิจด้านเทคโนโลยี และธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบวิศวกรรม (New Technology & Trading Business) และ 4) ธุรกิจด้านสุขภาพ (Healthcare Business) เสริมพอร์ตดัน Backlog ในปี 2566 แตะ 1,900 ลบ.” นายพงศ์เทพ กล่าวทิ้งท้าย