พายุที่โหมกระหน่ำ / 1,455-1470

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET เดินหน้าในทางลง: โดยถูกกดดันจากความกังวลว่าเฟดจะคงนโยบายการเงินเข้มงวดเป็นเวลานานเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังนางมิเชล โบว์แมน หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดแสดงความเห็นว่ายังคงสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อชะลอตัวช้าเกินไปนอกจากนี้ ข้อมูลศก.สหรัฐฯที่แข็งแกร่งอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น หลังการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย.จาก S&P Global และ ISM ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.8 และ 49.0 ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าตลาดคาดและเข้าใกล้ระดับ 50 สอดรับกับ CME FedWatch Tool ที่เริ่มให้น้ำหนักมากขึ้นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% สำหรับรอบการประชุมวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. โดยน้ำหนักดังกล่าวอยู่ที่ 27.2% ขณะที่ Dollar Index และ US Bond yield 10 ปี ที่ปรับตัวขึ้นทดสอบ 107 จุด และ 4.7% ตามลำดับ คาดเป็นแรงกดดันต่อ SET Index เช่นกัน สวนทางกับค่าเงินบาทที่เคลื่อนไหวอ่อนค่าในระดับ 37 บาท/ดอลลาร์ เป็นการอ่อนค่ามากสุดในรอบเกือบ 11 เดือน และจะเป็นแรงกดดันต่อ Fund flow (ในทางกลับกันเป็นแรงหนุนต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก) ด้านหุ้นกลุ่มพลังงานคาดปรับตัวลงตามราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลง 2.2% ปิดที่ $88.82 ต่อบาร์เรล จากอุปทานที่มีแนวโน้มสูงขึ้นหลังตุรกีเตรียมเปิดท่อส่งน้ำมันดิบจากอิรักสัปดาห์นี้ กอปรกับ Rapidan Group เผยว่าซาอุฯ จะกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบ Brent พุ่งขึ้นมากกว่า $90 ต่อบาร์เรล ขณะที่วันนี้ติดตามการประชุมครม. โดยมีประเด็นที่น่าติดตามได้แก่ 1) ความคืบหน้าเงินดิจิทัลวอลเล็ต และ 2) การเสนอแนวทางส่งเสริมการมีบุตรนอกจากนี้ ติดตามการรายงาน JOLTS เดือนส.ค. ของสหรัฐฯ ตลาดคาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ 8.830 ล้านตำแหน่ง จาก 8.827 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค.
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) บาทอ่อน: HANA, KCE, SAPPE, TU 2) ท่องเที่ยว+มาตรการรัฐ: AOT, BA, CBG, CENTEL, ERW, MINT, SPA 3) Defensive: ADVANC, BCH, BDMS, CHG, EKH และ 4) Selective: BBL, KTB

ปัจจัยบวก

  • ธปท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นกลับมาแตะระดับ 50 อีกครั้ง โดยอยู่ที่ 50.4 เพิ่มขึ้นจาก 48.9 ในเดือนส.ค. จากด้านการผลิต คําสั่งชื้อ และผลประกอบการเป็นสำคัญ
  • SMED Bank เผยดัชนีความเชื่อมั่นต่อศก.และธุรกิจของเอสเอ็มอีใน 3Q66 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 66.4 จาก 65.9 ใน 2Q66 เนื่องจากผู้ประกอบการมีการปรับตัวด้านแผนการตลาดต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น รวมถึงมีความคาดหวังต่อนโยบายกระตุ้นศก.ของรัฐบาล
  • รมว.พาณิชย์เผยว่าก.พาณิชย์ ได้ดึงผู้ประกอบการ 288 ราย ประกอบด้วยผู้ผลิตสินค้า ผู้จำหน่าย และผู้ให้บริการ ปรับลดราคา สินค้า/บริการ รวม 1.52 แสนรายการ และแต่ละแพลตฟอร์มแจกโค้ดส่วนลดใช้สั่งอาหารและซื้อสินค้าออนไลน์ รวม 1.012 ล้านรายการ
  • วานนี้ต่างชาติเข้าซื้อในตลาดพันธบัตรไทยเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน และ Yield Qurve ปรับตัวลดลงจากวันก่อนหน้าประมาณ 2-5bps ในตราสารระยะยาว

ปัจจัยลบ

  • หุ้น DELTA มีแนวโน้มเป็นแรงกดดันต่อ SET Index ในวันนี้ หลัง TAA เผยว่า DELTA เป็นหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากราคาที่เกินมูลค่าปัจจัยพื้นฐานไปมาก
  • ยูโรโซนเผยดัชนี PMIภาคการผลิตจาก HCOB เดือนก.ย.ปรับตัวลดลงสู่ระดับ43.4 จาก 43.5 ในเดือนส.ค. กอปรกับ HCOB ค่อนข้างมั่นใจว่าภาวะถดถอยในภาคการผลิตจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้
  • อังกฤษเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตจาก S&P Global/CIPS เดือนก.ย. ขยับขึ้นเล็กน้อยสู่ 44,3 จาก 43.0 ในเดือนส.ค. บ่งชี้ว่ากลุ่มผู้ผลิตอังกฤษยังคงเผชิญภาวะขาลงอย่างต่อเนื่อง
  • World Bank คาดศก.ของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกและแปซิฟิกจะขยายตัว 5%ในปี 66 ลดลงจากที่เคยคาดว่าจะขยายตัว 5.1% เนื่องจากศก.กิจจีนและอุปสงค์ทั่วโลกชะลอตัว

PICKS OF THE DAY

ADVANC BUY

  • เป้าหมาย 235.00/240.00 แนวรับ 225.00
  • ARPU มีแนวโน้มฟื้นตัว: โดยทาง บริษัทมี ARPU ฟื้นตัวจากงวด 1Q66 ที่ 210 สู่ 2Q66 ที่ 213 บาทต่อเดือนต่อเลขหมาย นอกจากนี้ งานแถลงของคู่แข่ง ยังกล่าวถึงแนวโน้มที่อาจขยับ ARPU ขึ้นเช่น กัน ทำให้มองจะเป็นผลดีต่อบริษัทและอุตสาหกรรมในระยะยาว
  • iPhone ใหม่ หนุนเครื่องติดแพ็กเกจ: หลังApple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ทางฝ่ายคาดจะได้ประโยชน์จากแพ็กเกจที่ขายพ่วง รวมทั้งยอดขาย accessories ที่จะตามมา นอกจากนี้กำลังเข้าสู่ช่วง High season ทางธุรกิจ ทำให้มีโอกาสเห็นผลการดำเนินงาน 2H66 เติบโตกว่า 1H66

HANA BUY

  • เป้าหมาย 63.00/65.00 แนวรับ 59.00
  • ได้ประโยชน์จากภูมิศาสตร์: ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีน เป็นประโยชน์ต่อ HANA ในเชิง ภูมิศาสตร์ ซึ่ง HANA มีโรงงานอยู่ทั้งในกัมพูชา และ ไทย ที่ทั้ง 2 ประเทศสามารถนำวัตถุดิบจากแผ่นดินใหญ่เพื่อผลิตและขายไปยังสหรัฐฯได้
  • ค่าเงินบาทดันกำไร: ธุรกิจ OSAT และ IoT เริ่มกลับมาฟื้นตัวใน 2Q66 แล้ว ขณะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Auto ยังเติบโตแข็งแกร่ง ส่วน RFID เติบโตได้ดีจากปีก่อนที่มีผลกระทบจากโควิด ทำให้ HANAมีการกระจายรายได้ค่อนข้างดี ทำให้ระดับอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิจะค่อนข้างอิงไปตามค่าเงิน ซึ่งค่าเงินบาทในปัจจุบันอยู่ในระดับที่อ่อนค่ามากสุดในปีนี้
- Advertisement -