ระวังคลื่นลมแรง เรือเล็กงดออกจากฝั่ง / 1,425-1,445
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET ยังไหลลงต่อ : โดยยังคงถูกกดดันจากความกังวลนโยบายการเงินเข้มงวดของเฟด หลังสหรัฐฯเปิดเผยการเปิดรับสมัครงานเดือนส.ค. พุ่งขึ้นเกือบ 7 แสนตำแหน่งสู่ระดับ 9.61 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่ระดับ 8.8 ล้านตำแหน่ง สะท้อนภาพตลาดแรงงานแข็งแกร่งและจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ สอดรับกับ US bond yield 2 ปี และ 10 ปี ดีดตัวขึ้นทดสอบระดับ 5.17% และ 4.81% (ระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี) ตามลำดับ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันต่อ SET Index ขณะที่ค่าเงินบาทที่ยังคงเคลื่อนไหวอ่อนค่าที่ระดับ 37 บาท/ดอลลาร์ คาดเป็นแรงกดดันต่อ Fund flow (ในทางกลับกันเป็นแรงหนุนต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก) สอดรับกับการที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น (-4,440 ลบ.) SET50 Index Futures (-12,768 สัญญา) และตลาดพันธบัตร (-2,549 ลบ.) เมื่อวานนี้ และแม้ว่าธปท.เผยว่าอาจพิจารณาเข้าดูแลหากเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนมากผิดปกติ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการปรับตัวของภาคศก. แต่ทางฝ่ายมองว่าการเข้ามาจัดการกับตลาดปริวรรตเงินตราของผู้ดำเนินนโยบายการเงินจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ เพราะหากพิจาณาจาก Nominal Effective Exchange Rate (NEER) ในเดือนก.ย. ที่ระดับ 118.91 ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 5 ปีในอดีตที่ 119.67 เป็นการสะท้อนภาพการเปรียบเทียบค่าเงินบาทกับค่าเงินของประเทศคู่ค้าและคู่แข่งสำคัญของไทยที่ยังไม่ได้ผันผวนผิดปกตินัก สำหรับการลงทุนในวันนี้ ทางฝ่ายแนะนำลงทุนใน หุ้น/Sector ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว รวมถึงหุ้นในกลุ่ม Defensive แต่หากรับความเสี่ยงได้ต่ำแนะนำชะลอการลงทุนออกไปก่อน
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) Defensive: BCH, BDMS, BH, CHG 2) ย้ายฐานการผลิต: AMATA, WHA 3) บาทอ่อน: AAI, HANA, KCE, SAPPE, TU และ 4) Selective play: BA, BLA, TLI
ปัจจัยบวก
- กองศก.การท่องเที่ยวและกีฬาเผยประเทศไทยมีจำนวนนกท. ต่างชาติสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.- 1 ต.ค. 66 จํานวน 20 ล้านคนสร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนทท.ต่างชาติแล้ว 8.39 แสนลบ.
- กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผยว่าได้เข้าร่วมการประชุมเจรจาจัดทําความตกลง FTA อาเซียน-แคนาดา รอบที่ 5 ณ อินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 25-29 ก.ย. ซึ่งตั้งเป้าสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในปี 68
- ญี่ปุ่นเตรียมอัดฉีดเงินอุดหนุนเพิ่มเติมมูลค่าสูงถึง 1.92 แสนล้านเยนให้กับโรงงานของบริษัทไมครอน เทคโนโลยี อิงค์ เนื่องจากญี่ปุ่นกำลังพยายามเสริมความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทานชิป
ปัจจัยลบ
- สรท.คาดการส่งออกทั้งปี -15% ถึง -1% โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ การชะลอตัวของศก.โลกดัชนีภาคการผลิตทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก
- ข้อมูลจาก Mortgage News Daily ระบุว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯได้พุ่งขึ้นทะลุระดับ 7.7% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 43
- รอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯว่า คณะบริหารของปธน.โจ ไบเดนได้แจ้งเตือนให้จีนรับรู้ว่าสหรัฐฯมีแผนที่จะออกมาตรการฉบับใหม่อย่างเร็วที่สุดในช่วงต้นเดือนต.ค.นี้ เพื่อควบคุมการส่งออกชิป AI และเครื่องมือในการผลิตชิปให้กับจีน
PICKS OF THE DAY
BA BUY
- เป้าหมาย 16.00/16.50 แนวรับ 15.00
- เข้า high season สมุยและปลายปี: 3Q66 เป็น high season ของเกาะ สมุย ซึ่งเป็นเส้นทางหลักของรายได้ คาดผู้โดยสารและราคาตั๋วจะปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งจะรับรู้ปันผลของ BDMS และ BAFS เข้ามา 340 ลบ. คาดกำไร 3Q66 ดีขึ้นทั้ง q-q, y-y และ 4Q66 เป็น high season ต่อเนื่องคริสมาสและปีใหม่ แม้เกาะสมุยอ่อนตัวลงตามฤดูกาล รวมถึงจะมีการเปิดเส้นทางบินจากเกาะสมุยไปจีน 2 เส้นทางคาด 4Q66 จะเห็นกำไรที่ดีขึ้น y-y
- ผลกระทบจากค่าเงินน้อย: BA ได้มีการบริหารจัดการปัญหาเรื่องค่าเงิน โดยชำระหนี้ดอลลาร์ เงินบาทที่อ่อน ค่าเทียบดอลลาร์กระทบน้อยลง จากทุก 1 บาท ที่เคยขาดทุน 100 ลบ. ลดเหลือ 10 ลบ. และน้อยกว่า AAV ที่จะกระทบ 1,000 ลบ.
BH BUY
- เป้าหมาย 272.00/280.00 แนวรับ 257.00/260.00
- ผู้ป่วยต่างชาติฟื้นตัวแข็งแกร่ง: รายได้ 2Q66 โต 23% y-y แม้จะเทียบกับฐานที่สูงในช่วงโควิดสะท้อนการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติซึ่งมี Price intensity ที่สูง
- แนวโน้ม 2H66: คาดใน 2H66 รายได้และกำไรยังคงเติบโตจากทั้งผู้ป่วยภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่ม Middle East ซึ่งคาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีใน3Q66 จากการพ้นช่วงรอมฎอนในไตรมาสก่อน อีกทั้งสัดส่วนรายได้ของผู้ป่วยต่างชาติที่ยังไม่กลับเท่ากับก่อน Covid สะท้อนมาร์จิ้นยังสามารถโตได้อีก
- Defensive Stock: ปัจจุบัน มีค่า Beta = 0.61 ซึ่งต่ำกว่า 1 เป็น Defensive Stock เหมาะแก่การลงทุนในช่วงผันผวน
- Advertisement -
