ย่อก่อน แล้วค่อยฟื้นทีหลัง / 1,440-1455
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET ยังไม่ไปไหน: หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลุดระดับ 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตอบรับการประชุม OPEC+ ที่ประกาศเดินหน้าคงกำลังการผลิตตามเดิมไปจนถึงปี 2024 ลดความกังวลในประเด็นการขาดแคลนอุปทานในช่วงหน้าหนาว กดดันต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ จำกัด Upside ของตลาด ด้าน ADP nonfarm Employment Change เดือนกันยายน ออกมาขยายตัว น้อยกว่าที่ตลาดคาด กดดัน US Bond yields ลงมาที่ 4.74% ช่วยลดแรงกดดันต่อภาพรวมตลาดหุ้นเอเชียขณะที่ Government Bond Yield ไทยอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นมาที่ 3.378% ทำจุดสูงสุดในรอบ 16 เดือน สะท้อนแรงขายในพันธบัตรรัฐบาล มองยังเป็นลบต่อทิศทาง Fundflow แต่เบื้องต้นค่าเงินบาทยังเดินหน้าในทิศทางอ่อนค่า หนุนหุ้นบาทอ่อนให้ยังน่าสนใจ ขณะที่ สทท.คาดจะชงเปิดฟรีวิซ่านทท.อินเดียเพิ่มเติม โดยมองจะช่วยหนุนตัวเลขนทท.เข้าไทยเป็น 30 ล้านคน พร้อมจะตั้งทีมตอบโต้ข่าวลบการท่องเที่ยว (Tourist war room) และกวดขันการใช้กฎหมายเพื่อจัดการกับทัวร์ศูนย์เหรียญ คาดจะเข้ามาหนุนกลุ่มท่องเที่ยวให้ดูน่าสนใจในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของภาคการท่องเที่ยวไทย ด้านปัจจัยที่น่าติดตามอื่น วันนี้ “กระทรวงพาณิชย์เตรียมประกาศตัวเลข CPI และ Core CPI เดือนกันยายน คาดออกมา +0.60%y-y และ +0.70%y-y ชะลอตัวจากเดือนก่อนที่อยู่ที่ +0.88% และ +0.79% มองจะช่วยเข้ามาลดแรงกดดันด้านราคาสินค้า เป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก และท่องเที่ยว โดยรวมตลาดหุ้นคาดจะยังไม่ไปไหนไกล เนื่องจากราคาน้ำมันจะกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานที่มีน้ำหนักค่อนข้างมากในวันนี้ ท่ามกลางปัจจัยบวกใหม่ที่เข้ามาหนุนค่อนข้างจำกัด
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) CPI ชะลอ : CRC, DOHOME 2) เก็งงบ 3Q66 : CHG, SPALI, ORI, TOP, SPRC, BBL 3) Bond Yield ดีด: TLI, BLA และ 4) Selective play: MAJOR, WHA, BLA, AMATA, KCE, HANA
ปัจจัยบวก
- สนพ.เผย ราคา Spot LNG ตลาดโลกปรับขึ้น รับดีมานด์เพิ่มช่วงใกล้ฤดูหนาว โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 1.104 เหรียญสหรัฐฯ/ล้านบีทียู มาอยู่ที่ระดับ 14.271 เหรียญสหรัฐฯ/ล้านบีทียู หนุนกลุ่มพลังงาน
- Wards Intelligence ระบุยอดขายรถยนต์ใหม่ในสหรัฐเดือนก.ย. อยู่ที่ 1.33 ล้านคัน ขณะที่ยอดขายปีนี้อยู่ที่ 15.67 ล้านคัน ได้รับอานิสงส์จากสินค้าคงคลังที่สะสมไว้เพื่อเตรียมรับมือการหยุดงานประท้วง
- Service PMI และ Composite PMI ยูโรโซนเดือน ก.ย. ออกมาที่ 48.7 จุด และ 47.2 จุด ขยายตัวจากเดือนก่อนที่ 48.4 จุด และ 47.1จุด
- กกร.คาดจีดีพีปีนี้โต 2.5-3% พร้อมหนุนเงินดิจิทัล 5.6 แสนลบ. แต่ควรพุ่งเป้าเฉพาะกลุ่ม
ปัจจัยลบ
- ประธาน สทท. เผยนจีนส่วนใหญ่มีความกังวลต่อเหตุการณ์ยิงกลางห้างดัง หวั่นกระทบเป้านทท.ทั้งปีวูบ 1 ล้านคน
- ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่ยามฝั่งของฟิลิปปินส์ได้ทําการรื้อถอนสิ่งกีดขวางที่เป็นทุ่นลอยน้ำของจีนออกจากบริเวณเส้นทางเข้าสู่แนวสันดอนสการ์โบโรห์ สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับจีน
PICKS OF THE DAY
CRC BUY
- เป้าหมาย 41.00/42.50 แนวรับ 38.00/39.00
- Traffic เข้าห้างดีขึ้นต่อเนื่อง: การฟื้นตัวของภาคการบริโภคและท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดี ส่งผลให้ใน 2Q66 บริษัทมี Traffic การเข้าห้างมากกว่าช่วง Pre-covid ถึง 20% และในเดือน ก.ย.66 มีการเปิดศูนย์การค้า Robinson Lifestyleที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นห้างสาขาที่28 หนุนรายได้โตจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าสู่ช่วง High season ในครึ่งปีหลัง
- บุกธุรกิจค้าส่ง “Go Wholesale”: ทางฝ่ายคาดการที่ CRC บุกธุรกิจค้าส่งอาหารจะเป็นปัจจัยหนุนบวกในระยะยาวจากการที่มูลค่าตลาดของธุรกิจดังกล่าวมีการเติบโตที่ดี 5% ต่อปี และยังสามารถ Synergy กับธุรกิจในเครือเซ็นทรัลหนุนรายได้จากโรงแรมและศูนย์อาหาร
BBL BUY
- เป้าหมาย 170.00/175.00 แนวรับ 166.50
- คาดกำไร 3Q66 เด่นสุด y-y: คาดBBL จะมีกำไร 9.9 พันลบ. เพิ่มขึ้นถึง 29.1% y-y ถึงแม้สินเชื่อจะหดตัวลง แต่รายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมาก และการตั้งสำรองที่ลดลงทำให้กำไรเพิ่มสูงขึ้น
- คาดได้ประโยชน์จากการขึ้นดอกเบี้ยต่อ: จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีกของ กนง. คาดว่าจะทำให้กลุ่มธนาคารรวมไปถึงกลุ่มธนาคารจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นต่อเนื่องไปอีก นอกจากนี้จากการวิเคราะห์ของทางฝ่ายมองว่าจากโครงสร้างสินเชื่อ และโครงสร้างเงินฝากของ BBL จะทำให้ BBL เป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นมากที่สุด