KS Daily View 06.10.2023 >>> คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,440-1,460 จุด รอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ (คาด +170K) แม้ราคาน้ำมันดิบลดลงต่ออีก 2% แต่คาดถึงโอกาสฟื้นตัวในสัปดาห์หน้า หุ้นแนะนำ TOP
สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้
- ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.03%, S&P 500 -0.13%, NASDAQ -0.12%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Real Estate (+0.67%), Healthcare (+0.49%), Financials (+0.38%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Consumer Staples (-2.07%), Materials (-1.26%), Industrials (-0.64%) เป็นต้น
- ในประเทศ: SET Index +1.30 จุด หรือ +0.09% ปิดที่ 1,452.55 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ MTC (+4.23%), KTC (+3.98%), JMART (+3.59%), SAWAD (+3.51%) เป็นต้น ส่วนที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ AP (-5.13%), SPRC (-4.07%), BLA (-3.45%), TLI (-3.23%) เป็นต้น
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: มองตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบวันนี้ จากตลาดรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ (คาด +170K), ตัวเลขอัตราการว่างงาน (คาด 3.7%) และค่าจ้างรายชั่วโมง (คาด +0.3% MoM) ซึ่งคาดว่าตลาดจะตอบสนองแบบ ““ข่าวร้ายด้านตัวเลขเศรษฐกิจ ถือเป็นข่าวดีสำหรับตลาดหุ้น เพราะธนาคารกลางจะได้ผ่อนคลายนโยบายการเงิน” โดยให้สังเกตจาก reaction ในตลาดพันธบัตรเป็นสำคัญ เพราะช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นปรับลดลงจากความกังวลว่า US bond yield 10 ปีที่เร่งตัวขึ้นมาที่ 4.70%-4.80% ทำจุดสูงสุดนับแต่ปี 2007 จะกระทบให้เศรษฐกิจชะลอตัว (โดยเฉพาะภาคอสังหาฯ) และมีโอกาสเข้าสู่ภาวะ Recession ได้ ดังนี้มองว่าถ้า US bond yield 10 ปรับลดลงกลับไปในกรอบ 4.0%-4.5% ก็เชื่อว่าตลาดหุ้นจะฟื้นตัวได้ เพราะปัจจุบันตลาดยังคงมุมมองเชิงบวกว่าเฟดจะสามารถคุมเงินเฟ้อ โดยไม่เกิด Recession หรือ Soft Landing และนักลงทุนในตลาดยังคงมุมมองต่อทิศทางกำไรของบริษัทจดทะเบียนว่ายังเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรของ MXACWI จะโต 10% vs. SET Index ที่คาดจะโต 15% ในปี 2024 อย่างไรก็ตามหาก US bond yield 10 ปรับขึ้นต่อจากภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัวขึ้น ก็คาดหมายได้ว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวลงต่อในสัปดาห์หน้า
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงต่ออีก -2% DoD เป็น US$84.07/bbl จากนักลงทุนยังกังวลอุปสงค์ที่อาจอ่อนตัวในอนาคต โดยเฉพาะหากดอกเบี้ยยืนสูงเป็นเวลานานจนทำให้เกิด Recession โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงแล้วกว่า -10% WoW อย่างไรก็ตามเรามองว่านักลงทุนอาจอยู่ในภาวะกังวลเกินไป เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังคงขยายตัวได้ ขณะที่ตลาดน้ำมันดิบทั่วโลกยังคงตึงตัวจากการควบคุมอุปทานของกลุ่ม OPEC+ ดังนี้หากนักลงทุนคลายกังวลเมื่อไรก็คาดว่าราคาน้ำมันมีโอกาสฟื้นตัวได้ โดยเราคาดถึงโอกาสฟื้นตัวในสัปดาห์หน้า หลังราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลงมาที่แนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน
- ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ปรับตัวลงแรงวานนี้ หลังรายงานยอด Pre-sales ใน 3Q23 ลดลงในภาพรวม โดยราคาหุ้น AP (-5.13%), SIRI (-2.96%), SPALI (-2.5%), และ PSH (-0.79%) ตามลำดับ เทียบกลุ่ม Property sector ที่ลดลง -0.54% หากลงในรายละเอียดพบว่า AP รายงานยอดขายล่วงหน้า 3Q23 อยู่ที่ 1.16 หมื่นล้านบาท ลดลง 2.5% YoY และ 7.9% YoY; SIRI ประกาศยอดขายล่วงหน้า 3Q23 ที่ 7.5 พันล้านบาท ลดลง 50.6% YoY และ 24.5%QoQ; SPALI ประกาศยอดขายล่วงหน้า 3Q66 อยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท ลดลง 8.5% YoY และ 24.6% QoQ; ขณะที่ PSH รายงานยอดขายล่วงหน้า 3Q23 ที่ 5.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.1% YoY และ 10.1% QoQ อย่างไรก็ตามยอดขายล่วงหน้าในช่วง 9 เดือนแรกของ PSH ในปีนี้ยังต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีอย่างมาก
- ธีมการเก็งกำไรหุ้นเข้าออก SET50/SET100 รอบ 1H24 โดยหุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 สูง ได้แก่ JMT ขณะที่ SAWAD, ITC, KCE, TIDLOR ปัจจุบันอยู่ในลำดับที่ 49-52 ยังต้องลุ้นราคาปิด ณ สิ้นเดือน พ.ย. เพื่อให้ Market cap สูงสุดเบียดเข้ามาเหนือลำดับที่ 50 ส่วนหุ้นที่มีโอกาสออกจาก SET50 ได้แก่ INTUCH ขณะที่ DELTA ยังต้องลุ้นว่าต้องไม่ติด Cash balance ถึงสิ้นเดือน พ.ย. สำหรับ SET100 หุ้นที่คาดว่าจะได้เข้ามี ICHI, ITC, MOSHI, RBF, SAPPE, SISB, THCOM, TKN ส่วนหุ้นที่คาดว่าถูกคัดออกได้แก่ ACE, CKP, INTUCH, MBK, SABUY, THANI, THG, TIPH เป็นต้น ทั้งนี้การคำนวณของทาง KS ทำถึงสิ้นเดือน ก.ย. ซึ่งยังเหลือเวลาอีก 2 เดือนก่อนจะได้ข้อมูลเพื่อวัดผล
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
ปรับแนวรับลงมาที่บริเวณ 1,430 จุด หลัง SET Index หลุดแนวรับสำคัญที่ 1,460 จุดลงมา มองกรอบการเคลื่อนไหวช่วงที่เหลือของสัปดาห์ที่ 1,430 – 1,490 จุด ทั้งนี้ sentiment การลงทุนในหุ้นไทยยังคงเปราะบาง โดยปัจจัยสำคัญในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ตลาดจะให้น้ำหนักกับตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ
หุ้นแนะนำวันนี้
- Top pick: TOP (ราคาพื้นฐาน 55.50 บาท) เราคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะยังคงทรงตัวในระดับสูงในกรอบ 80-90 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และมอง และ GRM ก็จะยังคงอยู่ในช่วงกลางวัฏจักร เราคาดว่า GRM จะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 7-8 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล โดยเฉลี่ย และอาจผันผวนได้ 2-3 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล ออกจากค่าเฉลี่ยตามการเร่งกลับมาเก็บ/ระบายสต็อกน้ำมัน และปริมาณอุปสงค์และอุปทานใหม่ที่อาจไม่สอดคล้องกันในระยะสั้น ในขณะที่เราคาดว่าธุรกิจอะโรเมติกส์จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ปี 2567 หนุนจากกำลังการผลิตส่วนเกินที่ปรับลดลง ดังนี้คาดว่า TOP จะได้ประโยชน์สูงสุดจากธีมดังกล่าว นอกจากนี้ผู้บริหารของ TOP แจ้งว่าได้มีการถ่ายน้ำมันค้างท่อของ SBM ออกหมดแล้ว ดังนั้น โอกาสที่จะเกิดการรั่วไหลอีกครั้งจึงต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ เรามองว่าราคาหุ้น TOP ปัจจุบันไม่แพง เทรดบน PBV ที่ 0.66x ต่ำกว่า -1SD เล็กน้อย ขณะที่โรงกลั่นอื่นๆ (BCP, SPRC, ESSO) เทรดในกรอบ -1SD ถึง mean
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (nonfarm payrolls) เดือนก.ย. ตลาดคาดที่ 170k ตำแหน่ง เทียบกับ 187k ตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า ตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐฯเดือน ก.ย. ตลาดคาดลดลงเป็น 3.7% จากเดือนก่อนหน้าที่ 3.8% และอัตราค่าจ้างแรงงานของสหรัฐฯ (Average hourly earnings) เดือนก.ย. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 0.3% MoM เทียบกับเดือนก่อหน้าที่ 0.2% MoM