ขอให้โลกนี้สงบสุข / 1,430-1,445

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET มองแกว่งในกรอบ: แม้ว่ามีแรงกดดันจากการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเดือน ก.ย. ดีกว่าคาดสู่ 3.36 แสนตำแหน่ง แต่อัตราว่างงานเดือนก.ย.ที่ระดับ3.8% มากกว่าคาดรวมถึงค่าจ้างรายชม.ออกมาน้อยกว่าคาดที่ 4.2% (Bloomberg) ทำให้มองแรงกดดันต่อเฟดในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยลดลง ขณะที่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ได้เกิดการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสซึ่งเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 7ต.ค. ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นทดสอบ 1,855 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทางฝ่ายจึงมองเช้านี้สินทรัพย์เสี่ยงตลาดทุน จึงถูกเสี่ยงขายลด Position เพื่อเข้าถือสินทรัพย์ SafeHaven เป็นการชั่วคราว อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมจะมองเป็นโทนลบ แต่ปัจจัยดังกล่าวได้ช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันWTI พุ่งขึ้นทดสอบ 87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้คาดว่าวันนี้กลุ่มพลังงานจะมีแรงเก็งกำไรสั้นๆ เข้ามา และช่วยพยุงดัชนี ด้านค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าหลุด 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทางฝ่ายมองจะช่วยชะลอ Fund-flow ไหลออกได้บ้าง สำหรับธีมการลงทุนวันนี้ ทางฝ่ายมองกลุ่ม Spending ยังได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐท่ามกลางเงินเฟ้อไทยที่เริ่มชะลอตัวลง นอกจากนี้ ทางฝ่ายยังมองแรงหนุนจากการเผยงบ 3Q66 ของบจ. ซึ่งล่าสุด AEONTS เผยงบได้ดีกว่าคาด จึงทำให้มองกลุ่ม Finance อาจมีแนวโน้มหนุนภาพรวม เช่นเดียวกันและกลับสู่ความสนใจในปัจจัยอื่นตามปกติ ส่วนปัจจัยติดตามวันนี้อาจขาดปัจจัยชี้นำจากญี่ปุ่นที่ปิดทำการในวันกีฬา แต่ได้ Sentiment จากจีนที่เปิดทำการวันแรกหลังปิดวันชาติมาชดเชย ส่วนในประเทศวันนี้จะมีชี้แจงเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท หากผ่านไปได้มองเป็นบวกต่อดัชนีและกลุ่ม Spending
  • กลยุทธ์การลงทุน: 1) พื้นฐานดี ลุ้นนโยบายรัฐ: AOT, BEM, DMT, NEX 2) CPI ชะลอตัว: CPN, DOHOME, KTC, MAJOR, ILM 3) เก็งงบ 3Q66: ADVANC, AMATA, BCH, BDMS, CHG, WHA 4) Selective: BCPG, COCOCO, GULF, TTW 5) น้ำมันขึ้น: PTTEP, TOP, SPRC

ปัจจัยบวก

  • นางคริสตาลินา กอร์เกียวา กก.กองทุน IMF มอง ศก.โลกฟื้นตัวเห็นได้ชัด อุปสงค์ด้านการบริการแข็งแกร่งเกินคาด ทำให้โอกาสที่ ศก.โลกมีโอกาสที่จะ Soft Landing
  • CNBC รายงานว่า ทางการจีนส่งสัญญาณผ่อนคลายกฎระเบียบด้านข้อมูล โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจต่างชาติ ทางฝ่ายมองจะช่วยหนุนภาคการลงทุนในจีน และมองจะช่วยกระตุ้น ศก.จีนที่ชบเชา
  • นางแบรี ดาลี ปธ.เฟดซานฟรานซิสโก สนับสนุนให้เฟดยุติวงจรการขึ้นดอกเบี้ย โดยมอง Bond Yield สหรัฐปัจจุบันพุ่งขึ้นสูง และกระบวนการฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายคืบหน้าไปแล้วมาก

ปัจจัยลบ

  • สตค.เผย ศก.ไทยช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเติบโตช้าเพียงปีละ 1.8% ซึ่งต่ำสุดในกลุ่มอาเซียน ขณะที่ปัจจุบันได้ผลกระทบจากนโยบายการเงินที่ตึงตัวของธ.กลางหลายประเทศ, สงครามการค้า และภัยพิบัติ ยังเป็นปัจจัยเชื่อมโยงกระทบสู่ ศก.ไทย
  • รัฐบาลรัสเซียอนุญาตให้กลับมาส่งออกน้ำมันดีเซลทางทะเลได้อีกดรั้ง หลังจากประกาศห้ามส่งออกในช่วง 21 ก.ย. ที่ผ่านมา ปัจจัยดังกล่าวมองเป็นลบต่อราคาน้ำมันและ Big Cap กลุ่มพลังงาน

PICKS OF THE DAY

CHG BUY

  • เป้าหมาย 3.40/3.50 แนวรับ  3.26/3.30
  • คาดรายได้ 3Q66 โต q-q, y-y: ทางฝ่ายคาดรายได้3Q66 มีแนวโน้มโตทั้ง q-q,y-y จากการเข้าสู่ช่วงหน้าฝน หนุนผู้ป่วยภายในประเทศเพิ่มขึ้นจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่ และไข้เลือดออก ประกอบกับการฟื้นตัวของกลุ่มผู้ป่วย CLMV และ Middle East
  • การปรับค่าหัวเหมาจ่ายรับรู้เต็มไตรมาส: บริษัทได้รับผลบวกจากประกันสังคมที่มีการปรับค่าหัวเหมาจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 1,808 บาทจากเดิม 1,640 บาทต่อคนต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.66 ที่ผ่านมา ใน 2Q23 CHG มีผู้คนไข้ประกันสังคม 5.28 แสนรายและมีรายได้SSO คิดเป็น 33% ของรายได้ทั้งหมดใน 2Q23

COCOCO – BUY

  • เป้าหมาย 10.00 / 10.30 แนวรับ 9.50
  • มะพร้าวไทยอร่อยที่สุดในโลก: COCOCO ผู้ผลิตกะทิมะพร้าวส่งออกรายใหญ่ของไทย ใช้วัตถุดิบจากไทยมาผลิตเป็นหลัก ทำให้มีคู่แข่งน้อยราย หากเทียบกับความต้องการของโลก นำเงิน IPO มาซื้อเครื่องจักรผลิตเครื่องดื่มน้ำมะพร้าว ที่ปัจจุบันมีลูกค้าชาวจีนมีความต้องการนำเข้าเป็นอย่างมาก
  • ขยายธุรกิจตามเทรน: ลงทุนขยายกำลังผลิตพิ่มเป็น 3.1 แสนตันต่อปี จากเดิม 2.18 แสนตันต่อปี คาดจะมีสัดส่วนรายได้จากน้ำมะพร้าวเพิ่มขึ้นเป็น 40% ในปีนี้ จากปีก่อนที่มีเพียง 13% และเป็นสินค้าที่ทำ GPM สูงกว่าสินค้าหลักอย่างกะทิมะพร้าว คาดว่าจะทำกำไรเติบโตโดดเด่นทั้งในปี 66 และ 67
- Advertisement -