บล.บัวหลวง:

Grocery Retail – จากการแข่งขันที่สูงขึ้น คาดจะเห็นการลงทุนจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า (OVERWEIGHT)

แม้ว่าการแข่งขันที่มากขึ้นจะหมายถึงการลงทุนที่มากขึ้นเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและอัตรากำไรที่ลดลง แต่เราเชื่อว่าอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ยังคงเป็นโอกาศของกลุ่มค้าปลีก CPALL มีอัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทนระยะกลางถึงระยะยาวที่ดีที่สุดในกลุ่มค้าปลีก

การแข่งขันที่ร้อนแรงขึ้นในกลุ่มค้าปลีก

ในช่วงหลังโควิด ผู้ค้าปลีกลงทุนมากขึ้นสำหรับช่องทางการขายและการจัดส่งออนไลน์ รวมถึงรูปแบบร้านค้าใหม่ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในตลาดค้าปลีกและค้าส่ง ยกตัวอย่างเช่น ในเดือน ก.ย. CRC ได้เปิดตัวการขายส่งแบบ B2B เป็นครั้งแรก Go! Wholesale ในขณะที่ยกเลิก Tops Club (รูปแบบการขายส่งแบบ B2C) CRC ยังได้เปลี่ยนชื่อ Family Mart ไปเป็น Tops Daily หลังจากยกเลิกสัญญาแฟรนไซส์ในไตรมาส 3/66 นอกจากนี้หลังจากเปิดตัว Lotus’s Prive เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง CPAXT ได้เปิดตัวสาขาไฮบริดแห่งแรกซึ่งมีทั้ง makro และร้านของ Lotus นอกจากนี้ BJC ยังเปิดตัว Big C Food Service หลังจากที่เปิดตัวโมเดลแฟรนไซส์ Donejai สำหรับแฟรนไซส์ร้านโซวห่วย

ธุรกิจนี้ไม่ได้อยู่แค่ที่ราคาที่ใช่ แต่ก็อยู่ที่สินค้า บริการ และรูปแบบที่ชอบเช่นกัน…

กลยุทธ์ด้านราคาเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ กลุ่มผู้บริโภคประชากรระดับกลางที่มีแนวโน้มขยายตัวขึ้นในประเทศไทย มาพร้อมกับความชอบและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (การโฟกัสแบรนด์น้อยลงและเน้นความสะดวกสบายมากขึ้น) กลุ่มดังกล่าวยังมีรสนิยมที่ซับซ้อนมากขึ้นอีกด้วย ยุคโควิดแสดงให้เห็นว่าผู้ค้าปลีกที่ปรับตัวอย่างรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลง (เช่น การขายออนไลน์และบริการจัดส่ง) สามารถสร้างส่วนแบ่งการตลาดได้ในยุคหลังโควิดที่ผู้บริโภคใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากขึ้น เราคาดหวังว่ารูปแบบร้านค้าที่เหมาะสมจะหนุนการสร้างส่วนแบ่งการตลาด

…แนวโน้มการลงทุนจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

ในช่วงหลังโควิด กำไรของผู้ค้าปลีกบางรายยังคงชะลอตัวอยู่ แม้ว่ายอดขายต่อสาขาเดิมจะฟื้นตัวจนถึงระดับก่อนโควิดแล้วก็ตาม เราเชื้อว่า 1 ในเหตุผลสำคัญคืองบลงทุนที่หนักมากสำหรับธุรกิจออนไลน์/จัดส่ง และรูปแบบร้านค้าใหม่ การขายออนไลน์ บริการจัดส่ง และรูปแบบร้านใหม่เป็น สิ่งจำเป็นเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูง โดยเรามองว่าผู้ค้าปลีกที่มีความสามารถในการขยายยอดขายอย่างรวดเร็วและมีสเกลจะทำกำไรจากการลงทุนที่หนักนี้ก่อน โดย ณ จุดนี้เรามองว่า 7-Eleven และ makro เป็นผู้นำด้านความสามารถในการขายสินค้า เมื่อพิจารณาจากการเติบโตของยอดขาย โดย CRC ซึ่งมี The 1 Card (มีอิทธิพลมาก) และรูปแบบใหม่ๆ ก็อาจจะกลายเป็นม้ามืด

เรายังชอบ CPALL มากที่สุดสำหรับแนวโน้มระยะกลางและยาว

ในบรรดาผู้ค้าปลีกทั้งสามราย เราชอบ CPALL เนื่องจาก 7-Eleven น่าจะเติบโตได้เร็วกว่ากลุ่มค้าปลีก โดยรวม ด้วยรูปแบบ ผลิตภัณฑ์ และบริการ นอกจากนี้ CPALL มีอัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่น่าถึงดูดใจมากกว่า CPAXT และมีแนวโน้มการเติบโตที่เร็วกว่า BJC โดยหุ้น CPALL ซื้อขายที่ PER ปี 2567 ที่ 26.4เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 31.2 เท่าอยู่ 0.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เราได้ปรับลดคำแนะนำของ BJC ลงเป็น “ถือ” เนื่องจากอาจจะเหนื่อยที่สุดท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้น

 

 

- Advertisement -