บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
KCE Electronics (KCE) คาด 3Q66 ฟื้นตัว QoQ จากแรงส่งฤดูกาล
Action TRADING (Maintain)
- TP upside (downside) -4.9%
- Close Oct 11, 2023 Price (THB) 56.25
- 12M Target (THB) 53.50
- Previous Target (THB) 47.50
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 3Q66 ที่ 437 ล้านบาท (+37% QoQ, -31% YoY) กำไรที่ฟื้นตัว QoQ มาจากรายได้ที่ได้แรงส่งผลของฤดูกาล กำไรที่อ่อนแอ YoY มาจากอัตรากำไรขันต้นที่ยังไม่กลับไประดับ 3Q65
- คาด 4Q66 กำไรยืนระดับได้ QoQ จากแรงส่งค่าเงินบาท/USD ที่อ่อนค่าหนุน แต่ปี 2567 จะเผชิญความท้าทาย
Our view
- เราคงคำแนะนำ “TRADING” แต่ปรับเพิ่มราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 เป็น 53.50 บาทต่อหุ้น อิง PER ที่ +0.5SD ค่าเฉลี่ย
- เชิงกลยุทธ์กำไร 2H66 มี Momentum ที่ดี ทำให้หุ้นยืนได้ในระดับสูง แต่ราคาหุ้นไม่ถูกและปี 2567 จะเผชิญความท้าทาย ดังนั้นจังหวะการปรับขึ้นของหุ้นในช่วง 2H66 มองเป็นจังหวะขายทำกำไรระยะสั้น ที่ระดับ +1.0SD หรือราว +/- 60.00 บาท
คาด 3Q66 ฟื้นตัว QoQ จากผลของฤดูกาล
คาดกำไรปกติ 3Q66 ที่ 437 ล้านบาท (+37% QoQ, -31% YoY) กำไรที่พื้นตัว QoQ มาจากรายได้ที่ได้แรงส่งผลของฤดูกาล กำไรที่อ่อนแอ YoY มาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ยังไม่กลับไประดับ 3Q65 สรุปสาระสำคัญดังนี้
- คาดรายได้หลักที่ 4.4 พันล้านบาท (+13% QoQ, -5% YoY) จากคาดยอดขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ 125.0 ล้านเหรียญ (+10% QoQ, -2% YoY) การฟื้นตัว QoQ ได้รับผลบวกข่องฤดูกาลและระดับสินค้าคงคลังของลูกค้าที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
- อัตรากำไรขั้นต้นคาดที่ 21.0% (+187bps QoQ, -328bps YoY) อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นมาจากผลบวกจากค่าเงินบาท/USD ที่อ่อนค่าราว 2.3% QoQ ต้นทุนวัตถุดิบโดยเฉพาะราคาทองแดงที่เป็นวัตถุดิบหลักปรับลดลง 5% QoQ ใน 2Q66 ซึ่งจะถูกใช้ใน 3Q66 และค่าไฟต่อหน่วยที่ลดลงตั้งแต่เดือนก.ย.66 เป็น 3.99 บาทต่อหน่วยจาก 4.45 บาทต่อหน่วย โดยปกติค่าไฟจะคิดเป็นราว 8% ของ COGs
- SG&A คาดที่ 450 ล้านบาท (+8% QoQ, -14% YoY) จากฐาน 2Q66 ต่ำผิดปกติ แต่ลดลง Yoy จากการควบคุมต้นทุนที่เข้มข้น
4Q66 ได้แรงส่งจากค่าเงินบาท/USD แต่ปี 2567 กลับมาเผชิญความท้าทาย
หากกำไรออกมาตามคาด กำไรปกติ 9M66 จะคิดเป็น 64% ของประมาณการทั้งปี 2566 ของเราที่ 1.7 พันล้านบาท (-27% YoY) ขณะที่ 4Q66 เราคาดว่ารายได้จะยังทรงตัว ส่วน GPM จะได้แรงส่งจากค่าเงินบาท/USD ที่อ่อนค่า ทำให้ประมาณการของเราหากมี Downside Risk ก็ไม่ได้มีนัยยะอย่างไรก็ดีภาพปี 2567 เราประเมินว่าท้าทายจาก 1) อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คงไว้ในระดับสูงต่อเนื่องจะกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และ 2) ความเสี่ยงการเมืองโลกที่สูงขึ้นต่อเนื่องในหลายพื้นที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าในการเร่งคำสั่งซื้อ
เราคาดว่าการลดระดับสินค้าคงคลังของลูกค้าอาจจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2566 แต่การจะเพิ่มยอดขายอย่างมีนัยสำคัญไม่ง่าย เพราะความเสี่ยงเศรษฐกิจและการเมืองโลกที่อยู่ในระดับสูง ดังนั้นแม้ปี 2567 KCE จะได้ประโยชน์จากฐานต่ำ แต่ประมาณการปัจจุบันของเราที่ให้ KCE เติบโต 17% YoY ภายใต้ภาวะปัจจัยมหภาคปัจจุบันถือว่าได้สะท้อนความเก่งของ KCE ไปแล้วในมุมมองของเรา
คงคำแนะนำ “TRADING”… ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมที่ 53.50 บาทต่อหุ้น
เราคงประมาณการแต่ปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ขึ้นเป็น 53.50 บาทต่อหุ้น อิง PER 32.4x หรือ +0.5SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ปรับด้วย Yuanta ESG Premium 2% ที่ระดับ AA เพื่อให้สะท้อนแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งในช่วงสั้น อย่างไรก็ดีภาพปี 2567 ท้าทาย ดังนั้นการปรับขึ้นของหุ้นในช่วง 2H66 หากปรับเพิ่มขึ้นเกินกว่า +0.5SD ซึ่งเราคิดว่ามากเกินไปในภาวะที่เศรษฐกิจโลกจะเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นในปี 2567 จะเป็น จังหวะที่ควรใช้ในการลดน้ำหนักการลงทุนออกไปบางส่วน โดยระดับ +1.0SD จะอยู่ที่ราว 60.00 บาท ต่อหุ้นเป็นระดับสำคัญในเชิงจิตวิทยาที่น่าจะใช้ในการทำกำไรระยะสั้นรอบนี้
ความเสี่ยงสำคัญ: 1) ค่าเงินบาท/USD 2) ราคาทองแดง 3) การขึ้นสายการผลิตโดยเฉพาะโรงงานที่โรจนะทำได้ล่าช้ากว่าคาด และ 4) การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงโดยเฉพาะในตลาดยุโรป