วันนี้คาดตลาด “Sideway Down”

แนวรับ 1,444 / 1,430 แนวต้าน 1,456 / 1,474 สถานการณ์ความตึงเตรียดในอิสราเอลมีโอกาสรุนแรงขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อตลาดได้ อย่างไรก็ตาม เรามองหุ้นในกลุ่มพลังงานอาจช่วยจำกัด Downside ของตลาดไว้ได้บ้าง

Our View? “ย่อก่อนเด้งที่หลัง”

คาดตลาดวันนี้ “sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,444 / 1,430 และแนวต้านที่บริเวณ 1,456 / 1,474 เราคาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศในประเด็นความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในอิสราเอลที่มีโอกาสรุนแรงเพิ่มมากขึ้น หลังอิสราเอลตอบโต้กลับกลุ่มฮามาส ขณะที่อิหร่านส่งสัญญาณเตือนจะเข้าแทรกแซงสงคราม กระตุ้นความกังวลในทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อีกครั้ง หนุนทิศทางราคาสินทรัพย์ปลอดภัยปรับตัวขึ้นโดยเฉพาะทองคำ โดยเมื่อคืนวันศุกร์ปรับตัวขึ้นแรง เช้านี้อยู่ที่ระดับ 1,920 ดอลลาร์/ออนซ์+/- รวมทั้งคาดจะเห็นแรงเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐได้ต่อ โดยเช้านี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US-Bond Yield) รุ่นอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.62%+/- อย่างไรก็ตาม เรายังมองปัจจัยดังกล่าวเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้

โดยเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ย. ปรับตัวขึ้นปิดที่ระดับ 87.69 ดอลลาร์/บาร์เรล +4.78 ดอลลาร์ (+5.77%) จากความกังวลแนวโน้มสงครามที่มีโอกาสขยายพื้นที่ออกไปอาจกระทบต่อการขนส่งน้ำมัน กระตุ้นความกังวลอุปทานน้ำมันตึงตัวอีกครั้ง เรามองเป็นปัจจัยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นประคองตลาดหุ้นไทยได้ ขณะที่การรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ย. ของสหรัฐออกมาอยู่ที่ระดับ +0.4%MoM/ +3.7%YoY มากกว่าที่ตลาดคาดไว้เล็กน้อย สะท้อนเงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ในระดับสูงและลดลงค่อนข้างช้า อีกทั้งการรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U. of Mich. Sentiment) เดือน ต.ค. ออกมาอยู่ที่ระดับ 63.0 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดและทำจุดต่ำสุดใหม่อีกครั้ง สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจสหรัฐและบ่งชี้กำลังซื้อของสหรัฐที่มีโอกาสชะลอตัวลง โดยในคืนนี้เราแนะนำติดตามการรายงานตัวเลขยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือน ก.ย.ต่อ คาดจะออกมาที่ระดับ +0.3%MoM ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า

สำหรับปัจจัยในประเทศเรายังคาดว่าตลาดยังติดตามการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยโดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท คาดยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง มองยังเป็นปัจจัย Overhang ตลาดหุ้นไทยได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เรายังคงคาดว่า Downside ของตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมีความจำกัด จากระดับการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยล่าสุดอยู่ที่ Forward PE 16.0 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี – 0.5 S.D. ที่ 16.7 เท่า ซึ่งเป็นจุดที่เราคาดว่าความน่าสนใจในเชิง Valuation มีมากขึ้น ขณะที่เรามีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางค่าเงินบาทมากขึ้น  โดยล่าสุดพลิกกลับมาแข็งค่าที่ระดับ 36.2 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ คาดจะส่งผลให้แรงขายของนักลงทุนต่างชาติลดลง และอาจเห็นแรงซื้อกลับหุ้นไทยได้บ้าง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “CPAXT”

  • นักวิเคราะห์ของเราคาดว่ากำไรปกติของ 3Q’66 จะอยู่ที่ 2,094 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 30.7% yoy และ 23.1% qoq จากต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงชัดเจนจากการรีไฟแนนซ์หนี้เสร็จไปเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา และ SG&A ที่ชะลอลง qoq จากการทยอยปิดสาขาโลตัสในไทย ขณะที่เชื่อว่า 4Q66 จะเป็นช่วง High Season รวมทั้งลุ้นการออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคของรัฐบาลใหม่
  • ทางเทคนิค ภาพรายสัปดาห์ราคาแกว่งตัวในกรอบ Falling Wedge Pattern ทดสอบแนวรับที่กรอบดังกล่าว ขณะที่ MACD ให้สัญญาณขาย แต่ SSTO มีแนวโน้มจะเกิดภาวะ Bullish Divergence ทำให้คาดว่า Downside เริ่มจำกัด
  • กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 30.00 / 29.50 Target 36.00 / 43.00 Stop <29.00

 

- Advertisement -