บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

L.P.N. Development (LPN.BK/LPN TB)

คาดกำไรสุทธิใน 3Q66F เพิ่มขึ้นปานกลาง QoQ

Event

ประมาณการกำไร 3Q66F และปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566F-2567F

Impact

พรีเซลใน 3Q66 ซบเซาแม้ว่ามีการเปิดโครงการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นโดดเด่น

ยอดพรีเซลรวม 3Q66 อยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท (2% QoQ แต่ +30% YoY) ถึงแม้ว่ามีการเป็ดโครงการใหม่ๆ มีมูลค่ารวมที่ 5.66 พันล้านบาท โดยสูงขึ้นอย่างมีนัยยะทั้ง QoQ และ YoY มาจากพรีเซลของโครงการคอนโดมิเนียมพุ่งขึ้น 62% YoY แต่ในส่วนของโครงการแนวราบลดลง 29% YoY อย่างไรก็ตาม พรีเซลของ LPN ใน 9M66 เพิ่มขึ้น 19% YoY เป็น 8 พันล้านบาท (คิดเป็น 80% ของประมาณการเราเต็มปีนี้ แต่คิดเป็น 62% จาก guidance ของบริษัท) จากโครงการแนวราบที่ 1.5 พันลานบาท (-26% YoY) และโครงการคอนโดมิเนียมที่ 6.5 พันล้านบาท (+38% YoX) ขณะที่ LPN ปรับลดมูลค่าของโครงการเปิดใหม่ตามแผนในปีนี้ลงเหลือ 1.3 หมื่นล้านบาทจาก 1.4 หมื่นล้านบาทตามแผนธุรกิจเมื่อต้นปี 2566

คาดกำไร 3Q66F ขยับขึ้น QoQ ในอัตราต่ำแต่แย่ลง YoY

สำนักงานมูลค่า 2.6 พันลานบาท ถัดมาใน 3Q66 เราคาดรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยเติบโต 13% QoQ ส่วนหนึ่งเนื่องจากมียอดโอน (transfer) จากโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จแห่งใหมที่ลุมพินี คอนโดทาวน์ เอกชัย 48 มูลค่าโครงการที่ 2.3 พันลานบาท ขณะที่รายได้จากธุรกิจให้เช่าและธุรกิจบริการจัดการอาจเพิ่มขึ้น QoQ เป็นเลขหลักเดียว ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจที่อยู่อาศัยจะซบเซาต่อเนื่องอยู่ที่ 21-22% ท่ามกลางยอดขายที่มีอัตรากำไร (margin) โดยต่ำลงจากทั้งโครงการแนวราบและโครงการคอนโดมิเนียม โดยสรุป เราคาดกำไรสุทธิใน 3Q66F อยู่ที่ 97 ล้านบาท (-59% YoY แต่ +13%QoQ) ทำให้กำไร 9M66F อยู่ที่ 329 ล้านบาท (-43% YoY) คิดเป็น 70% ของประมาณการกำไรใหม่ปี 2566F ของเรา มองด้านบวกในระยะถัดไป กำไร 4Q66 น่าจะดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY จากฐานต่ำ

ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิลงในปี 2566F และปี 2567F

เนื่องจากผลการดำเนินงานอ่อนแอตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงปัจจุบัน (YTD) เราจึงปรับลดประมาณการกำไรลงอีก 13-14% ต่อปีในปี 2566F – 2567F ขณะที่ประมาณการกำไรสุทธิใหมปี 2566F จะอยู่ที่ 467 ลานบาท (-24% YoY) ก่อนที่จะเพิ่มขึ้น 8% YoY อยู่ที่ 504 ล้านบาทในปีถัดไป นอกจากนี้ กำไรปี 2567F มีความเป็นไปได้ที่จะมี upside จากการนำบริษัทย่อย คือ LPP Property Management เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในราวกลางปี 2567

Valuation & action

เราคงคำแนะนำ “ขาย” ประเมินราคาเป้าหมายใหม่ที่ 3.5 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 3.3 บาท อิงจาก PE ปี 2567F ที่ 10.35x หรือเท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว -0.5SD

Risks

ภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ, โอกาสการปฏิรูปนโยบายจากภาครัฐ, การให้สินเชื่อมีความเข้มงวดมากขึ้น ท่ามกลางภาวะหนี้สินภาคครัวเรือนสูง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ

- Advertisement -