บล.เอเซีย พลัส::

TTW (Neutral) เซ็นสัญญา PTW ต่อ 10 ปี … 3Q66 กำไรโตตามฤดูกาล

  • ราคาปัจจุบัน (บาท) 8.80
  • ราคาเป้าหมาย (บาท) 9.80
  • Upside (%) 11.4
  • Dividend yield (%) 5.4%

TTW ประกาศว่าบริษัทย่อย PTW ได้เซ็นสัญญาจ้างกับ กปภ. ต่ออีก 10 ปี โดยมีปริมาณน้ำรับซื้อขั้นต่ำ 3.58 แสน ลบ.ม./วัน ที่ราคา 6.50 บาท/ลบ.ม. ซึ่งคาดจะช่วยสร้างกำไรเฉลี่ย 120-260 ล้านบาท/ปี คิดเป็นมูลค่าเพิ่ม 0.3 บาท/หุ้น และ DPS 0.02 บาท ช่วงสั้นคาดทิศทางกำไรสุทธิงวด 3Q66 เติบโต 40.7%QoQ มาอยู่ที่ 879.3 ล้านบาท หนุนหลักจากส่วนแบ่งกำไร CKP ที่เข้าสู่ช่วง PEAK และธุรกิจหลักขายน้ำประปาที่ปริมาณขายเพิ่มขึ้น และผลบวกจากต้นทุนค่าไฟที่ลดลง

ปรับประมาณการกำไรปี 66 เป็นต้นไป และปรับไปใช้ FV ปี 2567 ที่ 9.8 บาท/หุ้น (ประกอบด้วยโครงการเดิม 9.5 บาท และสัญญาฉบับใหม่ 0.3 บาท) แม้การต่อสัญญาใหม่จะยังไม่ช่วยชดเชยฐานกำไรเดิมได้ทั้งหมด แต่ถือเป็นส่วนช่วยประคองปันผลให้อยู่ในระดับ 5%/ปี ดังนั้นผู้ที่มีหุ้นอยู่สามารถถือเพื่อรับปันผลต่อได้

เซ็นสัญญาบริหารจัดการน้ำประปา PTW ต่ออีก 10 ปี

TTW ประกาศลงนามสัญญาจ้างกับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ให้บริษัทประปาปทุมธานี จำกัด (PTW) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTW ถือหุ้น 98% เป็นผู้บริหารจัดการผลิตน้ำประปาและบำรุงรักษาเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำขาดแคลนในพื้นที่ กปภ. สาขาปทุมธานี กปภ.สาขารังสิต (ชั้นพิเศษ) และ กปภ.สาขาคลองหลวง โดยมีปริมาณน้ำรับซื้อขั้นต่ำ 3.58 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน ราคาค่าจ้างผลิตน้ำประปา 6.50 บาทต่อลูกบาศก์เมตร (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งประกอบด้วย 1) ค่าผลิตน้ำ 6.06 บาทต่อลูกบาศก์เมตร และ 2) ค่าเช่าทรัพย์สิน 0.44 บาทต่อ ลูกบาศก์เมตร โดยค่าผลิตน้ำจะมีการปรับราคาตามดัชนีผู้บริโภคทุกวันที่ 1 มกราคมของแต่ละปี เริ่มตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป กำหนดเริ่มส่งจ่ายน้ำวันที่ 15 ตุลาคม 2566 โดยมีระยะเวลาสัญญา 10 ปี

ประเด็นดังกล่าวถือเป็นมุมมองเชิงบวกต่อ TTW ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถต่อยอดกำไรเข้ามาเพิ่มเติม ภายหลังจากที่สัญญาเดิมหมดอายุลงใน 14 ต.ค. 2566 ได้รวมถึงผลประโยชน์ในภาพรวมจากการที่ กปภ. มีต้นทุนค่าจ้างที่ต่ำกว่ากรณีที่ผลิตเอง และต่ำกว่ากรณีที่ซื้อจากผู้ประกอบการรายอื่นในพื้นที่ปทุมธานี นอกจากนี้ยังช่วยให้เกิดความต่อเนื่องในการบริการแก่ประชาชนในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวภายหลังจากสัญญาฉบับเดิมสิ้นสุดลง โดยภายใต้สัญญาฉบับใหม่ PTW จะเป็นเพียงผู้รับจ้างผลิตและบริหารจัดการน้ำโครงการฯในพื้นที่ดังกล่าวให้แก่ กปภ. เป็นระยะเวลา 10 ปี ส่วนกรรมสิทธิ์ในระบบระบบผลิตและระบบจ่ายน้ำจะถูกโอนให้แก่ กปภ. ตามเงื่อนไขของสัญญาฉบับเดิม

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยกำหนดสมมติฐานให้อัตราค่าจ้างผลิตน้ำประปาอยู่ที่ 6.50 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งประกอบด้วย 1) ค่าผลิตน้ำ 6.06 บาทต่อลูกบาศก์เมตร และให้สมติฐานปรับขึ้นตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ 1%ต่อปี ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป และ 2) ค่าเช่าทรัพย์สิน 0.44 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ปริมาณการผลิตน้ำ 3.58 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน เป็นเวลา 10 ปี ทั้งนี้หากเทียบกับสัญญาของ PTW ฉบับเดิมที่มีอัตราค่าน้ำที่ 13.7 บาทต่อลูกบาศก์เมตร และอัตรากำไรขั้นต้นที่ราว 50% คาดสัญญาใหม่ดังกล่าวจะมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงมาอยู่ราว 20%-30% และคาดจะช่วยสร้างกำไรให้กับ TTW เฉลี่ยราว 120-160 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นส่วนเพิ่มราว 6-12% จากประมาณการเดิมที่ยังไม่รวมการต่อสัญญาใหม่ที่ 2.0-2.2 พันล้านบาท/ปี คิดเป็นมูลค่าเพิ่มต่อมูลค่าพื้นฐานที่ 0.3 บาทต่อหุ้น และเพิ่มมูลค่า DPS อีกราว 0.02 บาท

ทิศทางกำไร 3Q66 คาดฟื้นตัว QoQ ทำระดังสูงสุดของปี

ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิงวด 3066 จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 40.7%qoq มาอยู่ที่ 879.3 ล้านบาท ขึ้นทำระดับสูงสุดรายไตรมาสของปี 2566 รับแรงหนุนหลักจาก ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม CKP (TTW ถือหุ้น 24.98%) ที่คาดจะ รับรู้ผลประกอบการเพิ่มขึ้นมีนัยฯ มาอยู่ราว 224.9 ล้านบาท จากงวด 2066 ที่รับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพียง 0.5 ล้านบาท ตามการเข้าสู่ช่วง High season ของฤดูฝน ส่งผลให้กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากขึ้น ประกอบกับรายได้จากธุรกิจหลักขายน้ำประปาที่คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9%qoq มาอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท จากปริมาณขายน้ำในเขตพื้นที่ TTW และ PTW ที่เพิ่มขึ้น 0.3%aoa,และ 1.9%qoq มาอยู่ที่ 35.2 และ 35.2 ล้านลูกบากศ์เมตร ตามลำดับ จากภาคอุตสาหกรรม และพาณิชยกรรมที่ใช้น้ำมากขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ปริมาณขายน้ำในเขตพื้นที่ BIE ปรับตัวลดลง 3.1%qoq มาอยู่ที่ราว 1.9 ล้านลูกบากศ์เมตร จากแนวโน้มการผลิตและส่งออกของโรงงานในพื้นที่ดังกล่าวที่ลดลง QoQ รวมถึงต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวลดลงตามการประกาศปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft.) ของทางภาครัฐ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 65.5% จาก 63.4% ในงวด 2Q66 ส่งผลให้คาดกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 4.3%qoq มาอยู่ที่ 1.0 พันล้านบาท

อีกทั้ง คาดต้นทุนทางการเงินจะปรับตัลดลงต่อเนื่องราว 4.6%0q มาอยู่ที่ 34.6 ล้านบาท จากการทยอยจ่ายคืนเงินเงินต้นที่มีภาระดอกเบี้ยของทางบริษัทฯ

โดยรวมแล้วคาดกำไรสุทธิช่วง 9M66 อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท ลดลง 12.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วน 67.6% ของประมาณการทั้งปี 2566 เดิมที่ฝ่ายวิจัยได้ประเมินไว้

ปรับประมาณการกำไรแต่แต่ปี 66…4Q66 คาดกำไรลด QoQ

ฝ่ายวิจัยฝ่ายได้ปรับประมาณการกำไรปี 2566 เป็นต้นไป โดยปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลงจากเดิม 17.6% มาอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท ขณะที่ปรับเพิ่มประมาณกำกำไรปี 2567-68 ขึ้นราว 5.5% และ 5.4% จากเดิม มาอยู่ที่ 2.3 และ 2.4 พันล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อน

1) ผลการดำเนินงานในช่วง 9M66 ของ TTW ที่ต่ำกว่าที่ประเมินไว้ จากธุรกิจหลักที่ต้นทุนสูงขึ้นจากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่อยู่ในระดับสูง ตามมการปรับขึ้นค่า Ft และส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม CKP ที่ผลิตไฟฟ้าได้ต่ำจากภาวะฝนแล้งในปี 2566 โดยฝ่ายวิจัยได้ปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ปี 2566 ลงเหลือ 62.4% จากเดิม 66.8% และปรับลดส่วนแบ่งกำไรจาก CKP ลง 45.4% จากเดิม มาอยู่ที่ 249.8 ล้านบาท

2) การรวมการต่อสัญญา PTW ฉบับใหม่ไว้ในประมาณการ ตั้งแต่ 15 ต.ค. 2566 -14 ต.ค. 2576

ภายใต้ประมาณการใหม่ ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2566-67 คาดลดลง 13.8yoy และ 8.9%yoy ตามลำดับ ขณะที่ปี 2568 คาดจะเริ่มฟื้นตัวเล็กน้อย 1.5%yoy

ช่วงสั้นคาดทิศทางกำไรปกติงวด 4Q66 จะอ่อนตัวลง QoQ กดดันจากธุรกิจน้ำประปาที่คาดปริมาณขายน้ำโดยรวมจะเริ่มปรับตัวลดลงตามการเข้าสู่ช่วง low season ในช่วงฤดูหนาว และวันหยุดเทศกาลที่มีมากในช่วง 4Q66 รวมถึง สัญญา PTW ฉบับใหม่ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 15 ต.ค. เป็นต้นไป ซึ่งจะมีอัตรากำไรที่ลดลง ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม CKP ที่คาดจะรับรู้ผลประกอบการลดลงหลังจากผ่านพ้นช่วง Peak ใน 3Q66 มาแล้ว นอกจากนี้คาดยังมีค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มขึ้นเป็นปกติ จากค่าใช้จ่ายพนักงานในช่วงปลายปี

การประกอบธุรกิจตามหลักความยั่งยืน (ESG) ของ TTW:

ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) : ตระหนักและให้ความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งในด้านการอนุรักษ์พลังงาน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทรัพยากรน้ำ และการใช้ทรัพยากรต่างๆอย่างรู้คุณค่า รวมทั้งมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติระหว่างองค์กรกับหน่วยงานภายนอก และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ โครงการวิจัยตะกอนน้ำประปาและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อลดภาระในการกำจัดและพัฒนาทักษะอาชีพแก่ชุมชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงโรงผลิตน้ำประปาประทุมธานี จังหวัดปทุมธานี, โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานแบบสถาปัตยกรรมสีเขียว โรงผลิตน้ำประปากระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร, โรงผลิตน้ำประปาบางเลน จังหวัดนครปฐม เป็นต้น

ด้านสังคม (Social) : บริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม พัฒนาความรู้และทักษะที่จำเป็นตามแผนการพัฒนาพนักงาน ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน และสนับสนุนระบบจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่ดี ส่งเสริมให้ผู้บริหารและพนักงานเคารพและปฏิบัติตามหลัก สิทธิมนุษยชนสากล รวมถึงสนับสนุนการมีส่วนร่วมของบริษัทฯ กับชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย รวมทั้งยังมีกิจกรรม/โครงการ อาทิ วางท่อระบายน้ำ (Box Culverts) พร้อมระบบระบายน้ำอัตโนมัติ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำรอระบายบนผิวจราจรของถนน เศรษฐกิจ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร, การรับสมัครพนักงานจิตอาสาเข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นสาธารณประโยชน์, จัดหลักสูตรอบรมด้านวิชาชีพแก่พนักงานทุกระดับ เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถและเพิ่มโอกาสความก้าวหน้าทางด้านวิชาชีพ เป็นต้น

ธรรมาภิบาล (Governance): TTW เป็น 1 ใน 147 บริษัทจดทะเบียนฯ ที่อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนในกลุ่มทรัพยากร และได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 100 อันดับหลักทรัพย์ที่มีความโดนเด่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (ESG100) จากสถาบันไทยพัฒน์ เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน สะท้อนถึงความตั้งใจของบริษัทฯ ในการดำเนินงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นการเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้ผู้ลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน ตลอดจนการได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนว่าบริษัทฯจะมีการดำเนินงาน และแสดงความรับผิดชอบที่โดดเด่นครบทุกมิติ ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ควบคู่ไปกับการมีผลประกอบการทางการเงินที่ดี

ประเด็นความเสี่ยง

โอกาสที่หน่วยงานภาครัฐจะเข้าไปลงทุนธุรกิจน้ำประปาเองในพื้นที่ใหม่ๆมากกว่าการให้สัมปทานเอกชน ส่งผลให้โอกาสในการขยายกิจการน้ำประปาในพื้นที่ใหม่ๆของ TTW มีจำกัด

- Advertisement -