บล.ทิสโก้:
BEM: บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ – ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทไม่กระทบกำไร
ราคาหุ้นลงมามากไปจ ากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายซึ่งคาดว่ามีผลกระทบจำกัด
เมื่อวานนี้ (16 ต.ค.) เป็นวันแรกที่ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีแดงปรับลดเหลือ 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม เรายังยืนยันความเห็นของเราว่าการปรับลดราคาค่ารถไฟฟ้าทั้งสองสายไม่มีผลกระทบต่อกำไรของ BEM เนื่องจากสายสีม่วงบริษัทรับจ้างเดินรถเท่านั้น ส่วนสายสีแดงรฟท.เป็นคนเดินรถ และเรามองว่า BEM จะได้รับผลประโยชน์ทางอ้อมจากการฟีดผู้โดยสารจากสายสีม่วงมาสายสีน้ำเงินที่มากขึ้นด้วย แม้จะมีการคาดการณ์ว่านโยบายดังกล่าวอาจกระจายไปยังรถไฟฟ้าสายสีอื่น แต่เรายังยืนยันความเห็นว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงค่าโดยสารสายอื่น ทางรัฐจะต้องชดเชยผลประโยชน์ที่เสียไปให้กับเอกชนที่เดินรถทำให้ผลกระทบจำกัด เรายังคงแนะนำ ซื้อ เนื่องจากราคาหุ้นลงมามากเกินไป ในขณะที่แนวโน้มกำไรยังดี
แนวโน้มกำไรยังดี ผู้โดยสารเดือนตุลาคมยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
เราคาดกำไรสุทธิ 3Q23F ของ BEM อยู่ที่ 917 ล้านบาท (6.3% YoY, 1.8% QoQ) จากการเติบโตของรายได้ในทุกธุรกิจ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าที่รายได้เติบโต 22% YoY, 10% QoQ ตามจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นมาแตะระดับ 4 แสนเที่ยวคนต่อวัน สำหรับรถใช้ทางด่วนเติบโตเล็กน้อยมาที่ 1.11 ล้านคันต่อวัน ทั้งนี้ BEM รายงานตัวเลขในเดือนสิงหาคม รถใช้ทางด่วนอยู่ที่ 1.1 ล้านคันต่อวัน (2% YoY, -1% MoM) และผู้โดยสาร 4.2 แสนเที่ยวต่อวัน (22% YoY, 0.1% MoM) ซึ่งยังเติบโตต่อเนื่อง แม้จะมีวันหยุดยาว ซึ่งเรามองว่าเป็นผลมาจากกิจกรรมรอบเส้นทาง และการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งส่งต่อผู้โดยสารมาสายสีน้ำเงิน และยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในเดือนตุลาคม ปัจจุบันผู้โดยสารวันทำงานอยู่ที่ 4.72 แสนเที่ยวคนต่อวัน เพิ่มขึ้น 18% YoY
รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้มีความคืบหน้า คาดชัดเจนในปลายปีนี้ จะเป็นบวกต่อ BEM
รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้มีความคืบหน้ามากขึ้น โดย รฟม. อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดในการจัดหาเอกชนบริหารเดินรถไฟฟ้า คาดจะเสนอบอร์ด รฟม. พิจารณาในปีนี้ และเสนอต่อกระทรวงคมนาคม คณะกรรมการ PPP และคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยแนวทางเบื้องต้น รฟม. เปิดเผยว่าการเจรจากับเอกชนรายเดิมซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงเหนือ (เตาปูน-คลองบางไผ่) ซึ่ง BEM เป็นผู้ให้บริการในปัจจุบันเป็นวิธีการคุ้มค่าที่สุด สำหรับรูปแบบสัญญามีโอกาสที่จะเปิดร่วมทุนแบบ PPP Gross Cost ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับสายสีม่วงเหนือ เพื่อสอดคล้องกับนโยบายรถไฟ 20 บาทตลอดสายของรัฐ ซึ่งคาดจะเริ่มมีการเจรจาในปี 2026 เพื่อให้พร้อมเปิดบริการในปี 2027 ซึ่งเราประเมินว่าโครงการนี้จะเป็น Upside ให้กับ BEM ราว 0.50 บาทต่อหุ้น อิงจากสายสีม่วงเหนือที่รับรู้รายได้ราว 2,500 ล้านบาท/ปี สำหรับการให้บริการ 16 สถานี
คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสม 10.60 บาท
ราคาหุ้น BEM ปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา จากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายรัฐ อาทิ นโยบาย 20 บาทตลอดสาย ซึ่งเรามองว่านโนยาย 20 บาทตลอดสายมีผลกระทบที่จำกัด เนื่องจากรัฐต้องชดเชยให้กับเอกเชนสำหรับผลประโยชน์ที่เสียไป สำหรับโครงการสายสีส้ม รอการตัดสินคดีสุดท้ายสำหรับการปรับเปลี่ยน TOR สำหรับการประมูลครั้งที่ 2 ซึ่งศาลปกครองการพิจารณายกฟ้อง และอยู่ระหว่างการรอศาลูปกครองสูงสุดพิจารณา เรามองว่าราคาหุ้นปรับลงมาสะท้อนไปมาแล้ว ดังนั้นเรายังคงแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าที่เหมาะสมของเราอยู่ที่ 10.60 บาท (SOTP)