บล.ทิสโก้

MAJOR: เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป – ภาพยนตร์ “สัปเหร่อ” ทำเงินทะลุ 200 ล้านบาท

แนวโน้มกำไร 3Q23F อ่อนตัว แต่คาด 4Q23F จะกลับมาดีขึ้นจากหนังสัปเหร่อทะลุ 200 ล้าน

แนวโน้มกำไรธุรกิจหลัก 3Q23F จะอ่อนตัว YoY และ QoQ เนื่องจากไม่มีหนังเด่นในไตรมาสนี้ที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท เช่น รายได้ตั๋วหนังใน 3Q23 ได้แก่ Mission : Impossible 7 ทำรายได้ 85 ล้านบาท, Oppenheimer 68 ล้านบาท และ MEG2 68 ล้านบาท เทียบกับ 3Q22 ที่มีหนังทำเงิน เช่น บุพเพฯ2 ที่ทำรายได้ 260 ล้านบาท, Thor 4 173 ล้านบาท และ One Piece 81 ล้านบาท และเทียบกับ 2Q23 ที่มีเรื่อง Fast 10 รายได้ 200 ล้านบาท, Guardians of the Galaxy รายได้ 125 ล้านบาท, Transformers รายได้ 124 ล้านบาท เป็นต้น ส่งผลให้รายได้ธุรกิจอาหาร/เครื่องดื่มหน้าโรงภาพยนตร์คาดลดลงตามรายได้หนังที่ลดลง แต่จะมีรายได้จากการขายผ่าน delivery รวมถึงการขายผ่านร้านค้าปลีกเพิ่มขึ้น ด้านรายได้ค่าโฆษณาคาดลดลงตามรายได้หนัง

ข่าวการประท้วงหยุดงานของนักเขียนและนักแสดงยุติลงแล้ว (27 ก.ย.23)

โดยกลุ่มสมาคม นักเขียนแห่งอเมริกา (Writers Guild of America: WGA) มีสมาชิกราว 1.15 หมื่นคน ได้เจรจากับสมาพันธ์ AMPTP (Alliance of Motion Picture and Television Producers: AMPTP) ซึ่งเป็นตัวแทนสตูดิโอ บริการสตรีมมิง และกลุ่มผู้ผลิต โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้น คือ เงื่อนไขสัญญาใหม่ที่มีระยะเวลา 3 ปี โดยมีประเด็นสำคัญเรื่องการขึ้นค่าแรงและส่วนแบ่งของนักเขียน การได้รับค่าจ้างโดยประเมินจากความสำเร็จของผลงาน โดยใช้เกณฑ์ ‘จำนวนผู้ชมในสตรีมมิง’ ที่เคยปิดเป็นความลับ เป็นตัวชี้วัดค่าจ้างสำหรับนักเขียนและนักแสดง ข้อห้ามในการใช้ AI และนักเขียนมีสิทธิฟ้องร้อง หากมีการละเมิดเกิดขึ้น โดยสตูดิโอต้องแจ้งกระบวนการผลิตขั้นตอนใดใช้ Al และดำเนินวิธีการอย่างไรจากข่าวนี้ เราเชื่อว่าจะช่วยลดความกังวลของวงการภาพยนตร์ในการผลิตภาพยนตร์ที่มีคุณภาพ และจะส่งผลกระทบต่อวงการภาพยนตร์น้อยลง จากการยุติการประท้วงของนักเขียนแล้ว

แนวโน้ม 4Q23F คาดกำไรจะดีขึ้นจากหนังไทย

โดยเฉพาะหนังเรื่องสัปเหร่อล่าสุดทำเงินได้ 225 ล้านบาท (11 วัน) ตามด้วยเรื่อง “ของแขก” ทำรายได้ 53 ล้านบาท (18 วัน) ซึ่งหนังไทยจะมีส่วนแบ่งรายได้มากกว่าหนังภาพยนตร์ต่างประเทศ และยังมีหนังต่างประเทศที่เตรียมเข้าฉายหลายเรื่อง ได้แก่ The Marvels 8 พ.ย., The Hunger Games 15 พ.ย., The Creator (Fox) รวมถึงหนังไทย 4King 2, ธี่หยด (ณเดชน์) และหนังค่าย GDH หลายเรื่อง ส่งผลให้คาดรายได้สื่อโฆษณาและรายได้ธุรกิจอาหาร/เครื่องดื่มจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ชมที่กลับมาดูหนังเพิ่มมากขึ้น เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 23.20 บาท (อ้างอิงวิธี DCF, WACC 7.2%) ราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อขายที่ PER23F ที่ 17.2X ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มอยู่ที่ 3.3X สถานะการเงินแข็งแกร่งเป็น Net Cash คาด Dividend Yield’23 ที่ 3.5% มากกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มอยู่ที่ 1.5%

ความเสี่ยง: 1) เศรษฐกิจซบเซา 2) การล็อกดาวน์จากสถานการณ์ COVID-19 หากรุนแรงขึ้น

- Advertisement -