วันนี้คาดตลาด “Sideways”

แนวรับ 1,430 / 1,423 แนวต้าน 1,444 / 1,460

แนะนำติดตามความตึงเครียดของสถานการณ์อิสราเอล-ปาเลสไตน์ หลังมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ปธน. โจ ไบเดน มีแผนจะเดินทางเยือนอิสราเอลและจอร์แดน เพื่อหาทางคลี่คลายวิกฤตการณ์ดังกล่าว ขณะที่การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่งคาดจะกระตุ้นความกังวล FED คงอัตราดอกเบี้ยใน ระดับสูงต่อไป

 

Our View? “ความไม่แน่นอน”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับ ที่บริเวณ 1,423 / 1,423 และแนวต้านที่บริเวณ 1,430 / 1,444 เราคาดเช้านี้ตลาดอาจได้รับจิตวิทยาเชิงลบ จากประเด็นการเกิดเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลในฉนวนกาซา ส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตราว 500 คน กระตุ้นความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์  คาดจะกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงลดลง และหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์ปลอดภัยทองคำปรับตัวขึ้นได้ต่อ  อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าในระยะถัดไปตลาดจะเริ่มผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง อิสราเอล-ปาเลสไตน์ลงบ้าง หลังมีรายงานสหรัฐกำลังเจรจากับอิหร่าน เพื่อไม่ให้อิหร่านเข้าร่วมสงคราม อีกทั้ง ปธน. โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐเตรียมเดินทางเยือนอิสราเอล และจอร์แดนเพื่อหาทางคลี่คลายวิกฤตการณ์จากการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส อีกทั้งอิสราเอลเริ่มส่งสัญญาณจะไม่ใช่การโจมตีภาคพื้นดินต่อกลุ่มฮามาส คาดจะส่งผลให้ตลาดผ่อนคลายความกังวลดังกล่าวได้บ้าง เป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะถัดไป

อย่างไรก็ตามเมื่อคืนนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐ (Retail Sales) เดือน ก.ย. ออกมาที่ระดับ 0.7%MoM มากกว่าที่ตลาดคาด โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ และยอดขายของสถานีบริการน้ำมัน สะท้อนถึงกำลังซื้อของชาวอเมริกายังแข็งแกร่ง เป็นปัจจัยกระตุ้นความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในช่วงที่เหลือของปี คาดจะกดดัน-จำกัด Upside ในการฟื้นตัวของตลาดได้บ้าง ทั้งนี้เราแนะนำติดตามถ้อยแถลงของคุณเจอโรม พาวเวล ประธาน FED ในสัปดาห์นี้เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไปหลังจากตัวเลข ดัชนีผู้บริโภคและตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐเดือน ก.ย. ออกมามากกว่าที่ตลาดคาด

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ย. ปิดที่ระดับ 86.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ไม่เปลี่ยนแปลง (0.00%) คาดได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มที่ FED มีโอกาสคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน รวมทั้งประเด็นสหรัฐมีโอกาสผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรมีต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของเวเนซุเอลาเพื่อเพิ่มอุปทานน้ำมันเข้าสู่ตลาด อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนในสถานการณ์อิสราเอล-ปาเลสไตน์ คาดมีโอกาสหนุนแรงเก็งกำไรราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นได้ต่อ

สำหรับปัจจัยในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้าสนับสนุนการฟื้นตัวขึ้นได้ดีของตลาด โดยเรายังคาดว่าตลาดยังติดตามการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยโดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท คาดยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง ล่าสุดเริ่มมีการพูดถึงโอกาสที่รัฐบาลจะปรับลดงบประมาณในโครงการดังกล่าว และกระจายแหล่งที่มาของเงินทุน คาดเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อแนวโน้มโอกาสที่โครงการดังกล่าวจะสามารถออกมาตรการได้ในช่วง 1Q’67

ทั้งนี้เรายังคงคาดว่า Downside ของตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมีความจำกัด จากระดับการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยล่าสุดอยู่ที่ Forward PE 16.0 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี -0.5 S.D. ที่ 16.7 เท่า ซึ่งเป็นจุดที่เราคาดว่าความน่าสนใจในเชิง Valuation มีมากขึ้น ขณะที่เรามีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางค่าเงินบาทมากขึ้น โดยล่าสุดพลิกกลับมาแข็งค่าที่ระดับ 36.2 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ คาดจะส่งผลให้แรงขายของนักลงทุนต่างชาติลดลง และอาจเห็นแรงซื้อกลับหุ้นไทยได้บ้าง ขณะที่ต้องติดตามการรายงานผลประกอบการหุ้นในกลุ่มธนาคารฯ ต่อ Bloomberg Consensus ประเมินกำไร 3Q66 อาจปรับลดลงบ้าง 5.52%QoQ แต่จะเพิ่มขึ้น 8.73%YoY จาก NIM และ Non-NII ยังปรับเพิ่มขึ้น

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “CK”

  • คาดมีโอกาสเห็นแรงเก็งกำไรจากคาดการณ์ผลประกอบการ 3Q’66 จะออกมาเติบโตโดดเด่นจากรายได้จากการก่อสร้างในโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
  • ทางเทคนิค ราคาปรับตัวขึ้น Breakout แนวต้านที่เส้นแนวโน้มขาลง พร้อม Vol หนาแน่น ขณะที่ Indicator MACD และ SSTO ให้สัญญาณซื้อ
  • กลยุทธ์ เก็งกำไร-ย่อซื้อ แนวรับ 21.00 / 20.60 Target 22.60 / 23.60 Stop <20.40

- Advertisement -