บล.กรุงศรีฯ:

BERLI JUCKER (BJC TB/ BJC.BK)

BJC – 3Q23F – ช่วงเวลาที่อ่อนแรง (TP Bt38.0, BUY)

กลุ่มอุตสาหกรรมพาณิชย์
หุ้นBJC
มูลค่าพื้นฐาน38.00
คำแนะนำBUY

เราคาดว่ากำไรจากธรกิจหลักของ BJC ใน 3Q23 จะอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท ลดลง 8% qoq เนื่องจากเป็นช่วง low season ซึ่งจะเป็นช่วงที่ยอดขายลดลง 5% qoq (อยู่ที่ 3.76 หมื่นล้านบาท) ในส่วนของ Big C (64% ของ สัดส่วนรายได้) เราคาดการณ์ว่าการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) จะอยู่ที่ 2% และสำหรับธุรกิจอื่น (บรรจุภัณฑ์, อุปโภคบริโภครวมถึง เวชภัณฑ์ และเภสัชภัณฑ์) ก็จะมีการเติบโตในระดับเดียวกัน เราปรับลดราคาเป้าหมายลงมาเป็น 38 บาท จากการที่เราปรับลดคาดการณ์กำไรจากธุรกิจหลักของ FY23F ปรับลดลง 12.4% และ FY24F ปรับลดลง 12% จากที่ได้เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้น เนื่องจากยอดขายจากทุกกลุ่มธุรกิจในช่วง 3Q23F ที่น่าจะย่อตัวลง บ่งบอกถึงสัญญาณแห่งความอ่อนแอ มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วง 4Q23F และกําไรจากธุรกิจหลักของปี FY23

Big C ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เติบโตขึ้น 2%

เราคาดการณ์ว่า Big C จะมีอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (same-store-sales growth หรือ SSSG) อยู่ที่ 2% ในช่วง 3Q23F อ่อนตัวลงจากเดิม 4.8% ในช่วง 2Q23 เป็นผลมาจากปริมาณการบริโภคโดยรวมที่ปรับตัวลดลง ซึ่งเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 17.5% ลดลง 0.2ppt เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สัดส่วนรายได้จากยอดขาย B2B ที่โดยปกติแล้วจะมีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับต่ำ แต่ยังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้น อีก 1ppt มาอยู่ที่ 10% โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้าน “โดนใจ” (ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก) ที่มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 3.5% จากเดิม 2.6% ใน 2Q23 เนื่องจากปริมาณร้านค้าที่เพิ่มขึ้นเป็น 4,000 ร้านค้าเพิ่มขึ้นจาก 2,500 ร้านค้าในช่วง 2Q23

ยอดขายธุรกิจบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น 2% yoy

เราคาดการณ์ว่ายอดขายบรรจุภัณฑ์ (16% ของสัดส่วนรายได้) จะเพิ่มขึ้น 2% yoy อยู่ที่ 6.4 พันล้านบาท โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการเติบโตของยอดขายทังบรรจุภัณฑ์แก้วและกระป๋องอะลูมิเนียม ซึ่งเราคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจบรรจุภัณฑ์จะเพิ่มขึ้นอีก 0.3ppt อยู่ที่ 18.3% จากราคาก๊าซธรรมชาติ (ใช้ในเตาหลอมแก้ว) และอะลูมิเนียมที่ปรับตัวลดลงในไตรมาสนี้

ประเมินราคาเป้าหมาย DCF ความเสี่ยงหลักอยู่ที่การฟื้นตัวที่เช่ืองช้าของเศรษฐกิจไทย

แบบจําลอง DCF ของเราใช้ฐานของปี FY24F ซึ่งเราชอบความหลากหลายในรายการสินค้าอุปโภคบริโภคของ BJC และโดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสอง ของประเทศไทยอย่าง Big C โดยมีความเสี่ยงหลักจากการฟื้นตัวที่เช่ืองช้าของปริมาณการบริโภคในประเทศไทยที่จะส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตกําไรจากธุรกิจหลักของ BJC

- Advertisement -