บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

BG Container Glass (BGC) กำไร 3Q66 ยังไม่เด่น

Action TRADING (Maintain)

  • TP upside (downside) -9.9%
  • Close Oct 17, 2023 Price (THB) 9.10
  • 12M Target (THB) 8.20
  • Previous Target (THB) 9.45

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 3Q66 ที่ 71 ล้านบาท ลดลง YoY จากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น แต่สามารถทรงตัวได้ QoQ แม้รายได้ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล เนื่องจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติ และค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวลงจะสามารถชดเชยผลกระทบได้
  • ปรับกำไรปี 2566-67 ลงเป็น 282 ล้านบาท และ 357 ล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อนปริมาณขายที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า และต้นทุนทางการเงินที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง

Our view

  • เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 4Q66 ที่ระดับ 80 ล้านบาท +/- ลดลง YoY แต่ฟื้นตัวได้ QoQ และเป็นจุดสูงสุดของ ปีหลังได้แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาล และต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวลง
  • ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 8.20 บาท/หุ้น มี Downside -9.9% โดยในระยะสั้น-กลางราคาหุ้นมีโอกาสถูกกดดันจากราคา Commodities ที่ผันผวนจากสถานการณ์ระหว่างกลุ่มฮามาสและ อิสราเอล จึงคงคำแนะนำ “TRADING”

คาดกำไร 3Q66 ลดลง YoY แต่ทรงตัว QoQ

คาดกำไรปกติ 3Q66 ที่ 71 ล้านบาท (ทรงตัว QoQ, -16% YoY) แม้ต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนพลังงานมีการปรับตัวลง YoY หลังสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครนเริ่มมีสเถียรภาพ แต่คาดกำไรปกติ 3Q66 จะลดลง YoY จากต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นราว 28 ล้านบาท หรือ +70% YoY ขณะที่ QoQ คาดกำไรปกติสามารถทรงตัวได้ แม้คาดรายได้ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลและคาดต้นทุนเศษแก้ว (Cullet) ปรับตัวสูงขึ้น Q0Q ตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เนื่องจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลง (ผลจากราคาก๊าซ LNG ในตลาดโลกที่ปรับตัวลง QoQ และปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่เร่งตัวขึ้น QoQ) และค่าไฟฟ้าที่ลดลงต่อเนื่อง (ค่าไฟฟ้าสำหรับงวด ก.ย. – ธ.ค. ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.99 บาท/หน่วย จากเดิม 4.70 บาท/หน่วย) จะสามารถชดเชยผลกระทบจากราคาเศษแก้วที่สูงขึ้นได้ และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวมาอยู่ที่ 13.1% จาก 13.0% ในช่วง 2Q66

ปรับกำไรปี 2566-67 ลงเพื่อสะท้อนต้นทุนทางการเงินที่อยู่ในระดับสูง

หากกำไรปกติ 3Q66 ออกมาใกล้เคียงคาด กำไร 9M66 จะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 56% ของประมาณการเดิมเราจึงปรับกำไรปี 2566-67 ลง 19-23% เป็น 282 ล้านบาท (-27% YoY) และ 357 ล้านบาท (+27% YoY) ตามลำดับ จากการปรับสมมติฐานรายได้รวมปี 2566-67 ลงเป็น 1.46 หมื่นล้านบาท (เดิม 1.56 หมื่นล้านบาท) และ 1.47 หมื่นล้านบาท (เดิม 1.58 หมื่นล้านบาท) เพื่อสะท้อนปริมาณขายที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า และการปรับสมมติฐานต้นทุนทางการเงินขึ้นเป็น 227-248 ล้านบาท (จากเดิม 209-214 ล้านบาท) เพื่อสะท้อนอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูง

กำไรปกติ 4Q66 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ และเป็นจุดสูงสุดของปี

เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 4Q66 ที่ระดับ 80 ล้านบาท +/- ลดลง YoY หลังคาดบริษัทฯ ไม่มีการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเหมือนปีก่อน แต่คาดเติบโต QoQ และเป็นจุดสูงสุดของปี จาก 1) การ Build Stock เพื่อรองรับการบริโภคในช่วงสิ้นปี และการเข้าสู่ High Season ของการท่องเที่ยวในประเทศจะเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของปริมาณขายและรายได้ QoQ 2) การับรู้ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ปรับลงในงวด ก.ย. – ธ.ค. แบบเต็มไตรมาสจะส่งงผลให้อัตรากำไรขั้นต้นสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง QoQ

คงคำแนะนำ “TRADING” ที่ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 8.20 บาท/หุ้น

ผลจากการปรับกำไรลงและการปรับ PER ที่ใช้ประเมินมูลค่าลงเป็น 15.9 เท่า (เทียบเท่าค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปี -0.5SD รวม Premium 2% จาก Yuanta ESG Rating ระดับ AA) ตามสภาวะตลาด รวมถึงการปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 8.20 บาท/หุ้น มี Downside -9.9% โดยราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER2567 ที่ระดับ 17.7 เท่า (ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 17.4 เท่า) แม้ BGC เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐบาล และมาตรการขยายเวลาเปิดปิดสถานบันเทิง แต่ในระยะสั้น-กลางราคาหุ้นมีโอกาสถูกกดดันจากราคา Commodities ที่ผันผวนจากสถานการณ์ระหว่างกลุ่มฮามาสและอิสราเอล จึงคงคำแนะนำ “TRADING”

- Advertisement -