KS Daily View 19.10.2023 >>> คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,420-1,460 จุด จากแรงกดดันของ Bond yield สหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นหลังประธานเฟดสาขานิวยอร์คยังสนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ยไว้สูงนาน หุ้นแนะนำ BDMS, KTB
สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้
- ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.98%, S&P 500 -1.34%, NASDAQ -1.62%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Energy (+0.93%), Consumer Staples (+0.39%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Materials (-2.58%), Industrials (-2.43%), Consumer discretionary (-2.33%) เป็นต้น
- ในประเทศ: SET Index +4.45 จุด หรือ +0.31% ปิดที่ 1,437.85จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ PSL (+8.79%), ORI (+4.00%), BCH (+3.54%), TOP (+3.50%) เป็นต้น ส่วนที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ SNNP (-8.56%), JMART (-6.03%), BTG (-5.88%), JMT (-5.67%) เป็นต้น
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,420 – 1,460 จุด ตลาดหุ้นน่าจะถูกกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลดลง จากการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 2 ปี ที่ 5.22% และ 10 ปีที่ 4.9% ซึ่งสุงสุดในรอบ 16 ปี จากถ้อยแถลงของประธานเฟด สาขานิวยอร์ค นายจอห์น วิลเลียมส์ ที่ยังสนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ยที่สูงไว้นาน เพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้ปรับตัวลดลงมาตามกรอบเป้าหมาย 2% ขณะที่ความน่าจะเป็นของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจาก CME Fed WatchTool ประเมินว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยการประชุมวันที่ 1 พ.ย. ไว้ที่ 96.4% ส่วนการประชุมเดือน ธ.ค. มีโอกาสคงอัตราดอกเบี้ยไว้ 62.7%
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวภาพรวมของอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ โดยได้คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของระบบแบงก์ไทย ในช่วง 9 เดือนแรก ของปี 2566 น่าจะทำได้ในกรอบประมาณ 1.86-1.91 แสนล้านบาท ขณะที่คาดว่ารายได้จากดอกเบี้ยสุทธิยังน่าจะเติบโตต่อเนื่อง และเป็นแรงหนุนสำคัญของผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 เพราะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin : NIM) ของระบบแบงก์ไทยยังมีแนวโน้ม ปรับตัวสูงขึ้น และคาดว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ที่ปรับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จะช่วยหนุน NIM ของระบบแบงก์ไทย ให้ขยับขึ้นมาอยู่ในกรอบ 3.14-3.18% ในไตรมาส 3/2566 แต่คงต้องยอมรับว่า ต้นทุนการระดมเงินฝากก็อาจขยับสูงขึ้นในไตรมาส 3/2566 ด้วยเช่นกัน
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การอนุญาตก่อสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวพุ่งขึ้น 1.8% สู่ระดับ 965,000 ยูนิตในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2565 และเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น
- ดัชนีราคาผู้บริโภคของอังกฤษทรงตัวที่ระดับ 6.7% ในเดือนก.ย.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานลดลงน้อยกว่าคาด ซึ่งเพิ่มความวิตกว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
- เงินเฟ้อของยุโรปเดือน ก.ย. ปรับตัวลดลงที่ 4.3% สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และลดลงจากเดือนก่อนที่ 5.2% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานลดลงที่ 4.5% เท่ากับที่นักวิเคราะห์คาดไว้เช่นกัน และลดลงจากเดือนก่อนที่ 5.3%
- นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,420 – 1,460 จุด โดย sentiment หุ้นไทยยังคงเปราะบางจากประเด็นความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ยังสูงอยู่ ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่ 1.) การประกาาศกำไร 3Q23 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์; 2.) ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศ หลังรัฐบาลมีแผนปรับลดงบประมาณในโครงการดิจิตอลวอลเล็ต และกระจายแหล่งที่มาของเงินทุน เพื่อลดแรงกดดันในการออกพันธบัตร; 3.) ราคาน้ำมันดิบจากความเสี่ยงที่สงครามอิสราเอล-ฮามาสจะขยายวงในตะวันออกกลาง; และ 4.) ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 ของจีน (คาด +4.5% YoY) และถ้อยแถลงของ Fed Chair Powell ในคืนวันพฤหัสฯ
หุ้นแนะนำวันนี้
- Top pick: BDMS (ราคาพื้นฐาน 34.1 บาท) คาดกำไรไตรมาส 3/2566 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ อีกทั้งราคาหุ้นยังปรับขึ้นไม่มากเมื่อเทียบกับหุ้นโรงพยาบาลอื่นๆ อย่าง BH และ BCH แต่การขายหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะยังคงเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้น BDMS น่าจะรายงานกำไรปกติทำสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาส 3/2566 ที่ 3.6 พันลบ. เพิ่มขึ้น 18% QoQ และ 7% YoY จากรายได้และอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น
- KTB (ราคาพื้นฐาน 24.75 บาท) คาดกำไรไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการปรับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น โดยไตรมาส 3/2566 คาดกำไรสุทธิจะแตะระดับ 1.0 หมื่นลบ. เนื่องจากเราคาดว่า NIM จะสูงขึ้นจากอัตราเงินกู้มาตรฐานที่เพิ่มขึ้นซึ่งชดเชย credit cost ที่สูงขึ้น คาดกำไรสุทธิจะเติบโตขึ้นแข็งแกร่ง YoY จาก NIM ที่สูงขึ้นและสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ดีขึ้น คาด NPL ratio จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและคาด coverage ratio จะยังอยู่ระดับสูงอยู่ที่ 173%
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐฯ Philly Fed เดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ -6.7 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -13.5 จุด และติดตามการให้สัมภาษณ์ของ Powell ประธาน Fed ในงาน The Economic Club of New York Luncheon
- วันศุกร์ ติดตามการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางจีน PBOC ตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ย Loan prime rate ระยะ 1 ปี ที่ 3.45% และ Loan prime rate ระยะ 5 ปี ที่ 4.20%