บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Ratch Group (RATCH.BK/RATCH TB)*

ประมาณการ 3Q66F: ยังไม่ไปไหน

Event

ประมาณการ 3Q66F และปรับลดกำไรเต็มปี

Impact

ประมาณการ 3Q66F – กำไรจะลดลงทั้ง QoQ และ YoY

วันที่ 14 พ.ย. เราคาดว่า RATCH จะรายงานกำไรสุทธิใน 3Q66F จะอยู่ที่ 1.99 พันล้านบาท (-6% QoQ, -11% YoY) แต่หากไม่รวมกำไร FX กำไรหลักจะอยู่ที่ 1.71 พันล้านบาท (-5% QoQ, -32% YoY) ซึ่งจะทำ ให้กำไรหลักในงวด 9M66F อยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท (-13% YoY) คิดเป็น 78% ของกำไรปี 2566F ของเรา ทั้งนี้ กำไรที่ลดลงเป็นเพราะรายได้ลดลง ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น และต้นทุนดอกเบี้ยพุ่งสูงขึ้น แต่ยังได้อานิสงส์จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ SPPs และรับรู้ส่วนแบ่ง NEJV ตั้งแต่ 20 ธ.ค. 65

ประเด็นที่น่าสนใจ – เป็นไตรมาสของการปิดซ่อมบำรุงตามแผน

กำไรที่ลดลง QoQ จะเป็นเพราะโครงการหลัก ๆ ปิดซ่อมบำรุงตามแผน ซึ่งทำให้ค่าความพร้อมจ่าย (available payment หรือ AP) ลดลง และต้นทุนในการซ่อมบำรุง (ทั้ง RG และหงสา) สูงขึ้นตามต้นทุนการดำเนินงาน แม้จะเป็นช่วง peak ตามฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (PNPC, NN2) และผลการดำเนินงานของ SPP (SCG และ RCO) จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม ส่วนกำไรที่ลดลง YoY จะเป็นเพราะต้นทุนดอกเบี้ยสูงขึ้น และผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลงของ RAC (ค่าไฟฟ้าลดลง) และหงสา (AP ลดลง) แต่ยังได้อานิสงส์จากการรับรู้กำไรจาก NEJV (LG1&2, SP, CS และ RER) ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 ทั้งนี้ เรายังคงใช้สมมติฐาน GPM ใน 3Q66 ที่ 18.1% (จาก 15.4% ใน 2Q66 และ 5.6% ใน 3Q65)

ปรับลดกำไรลง 1-4% และคาดว่ากําไรใน 4Q66F จะลดลง QoQ

เราปรับลดกำไรสุทธิปี 2566-2568F ลง 1-4% เพื่อสะท้อนถึงดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และค่า Ft อัตราใหม่ ซึ่งหลังปรับกำไรใหม่แล้ว เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2566-2568F จะโต 14%YoY / 20%YoY / 13%YoY จากโครงการ Paiton, การขยายกำลังการผลิตของ Nexif, และ SPP ที่แข็งแกร่งขึ้น ระยะสั้นเราคาดว่ากำไรใน 4Q66F จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล อย่างเช่น SG&A, การปิดโรงไฟฟ้าตามแผน และอุปสงค์สาธารณูโภคที่ลดลง ทั้งนี้การวิเคราะห์ sensitivity เราพบว่าความล่าช้าของโครงการดังกล่าวทุก ๆ 3 เดือนจะทําให้กำไรเรามี downside 400-500 ล้านบาท และราคาเป้าหมายลดลง 0.40-0.50 บาท

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ถือ RATCH โดยปรับลดราคาเป้าหมายปี 2567 ลงเหลือ 37.00 บาท (เดิม 39.00 บาท) ถึงแม้ราคาหุ้น RATCH จะลงมาแล้วถึง 30%YTD และตลาดจะปรับกำไรปีนี้ลงมาแล้ว 27% แต่เรายังไม่เห็นปัจจัยที่จะกระตุ้นให้มีการ re-rate ในช่วงนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังไม่แน่ใจกับแนวโน้ม ROE ของ RATCH เพราะยังรอความชัดเจนจากการปิดดีล Paiton อยู่ ดังนั้น นักลงทุนประเภทที่มองหาการเติบโต (Growth investor) อาจจะหลีกเลี่ยงหุ้น RATCH ไปก่อน แต่นักลงทุนที่มองหาผลตอบแทน (yield seekers) อาจจะลงทุนใน RATCH ต่อเพราะ yield สูงถึง 5% ต่อปี และราคาหุ้นถูก โดยมี P/E เพียง 9x

Risks การปิดโรงไฟฟ้านอกแผน, ปัญหา cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย

- Advertisement -