บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)
PTT Global Chemicals (PTTGC) 3Q66 ฟื้นตัวจากธุรกิจการกลั่น
Action BUY (Maintain)
- TP upside (downside) +16.8%
- Close Oct 18, 2023 Price (THB) 34.25
- 12M Target (THB) 40.00
- Previous Target (THB) 47.00
What’s new?
- คาดผลประกอบการ 3Q66 จะฟื้นตัว พลิกจากขาดทุนสูง QoQ และ YoY เป็นกำไรสุทธิ 1.2 พันล้านบาท หนุนจากผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงกลั่นที่โดดเด่น, ปริมาณขายปิโตรเคมีฟื้นตัวหลังผ่านช่วงปิดซ่อมบำรุงมาแล้ว, กำไรสต็อกน้ำมันสูงราว 3.9 พันล้านบาท
- หาก 3Q66 เป็นไปตามคาด 9M66 จะขาดทุนสุทธิ 4.3 พันล้านบาท คงประมาณการปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 4.7 พันล้านบาท
Our view
- 4Q66 ยังท้าทาย เพราะค่าการกลั่นชะลอตัว, แผนปิดซ่อมโรงงาน, กำไรสต็อกลดลง, ปิโตรเคมียังไม่ฟื้นตัว
- ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 40.00 บาท สะท้อนความเสี่ยงจากนโยบายราคาก๊าซ, ความท้าทายจากปัจจัยมหภาค, สงคราม, ภาวะดอกเบี้ยสูง
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” จาก Upside Gain Valuation ไม่แพง (2.5 SD) ทั้งนี้ เชิงกลยุทธ์ยังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน เพราะงบ 4Q66 อ่อนแอระยะสั้น PTTEP BANPU TOP เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
คาด 3Q66 พลิกเป็นกำไร ธุรกิจโรงกลั่นหนุน
คาดผลประกอบการ 3Q66 จะสามารถฟื้นตัวพลิกจากขาดทุน 5.6 พันล้านบาทใน 2Q66 และขาดทุน 1.3 หมื่นล้านบาทใน 3Q65 เป็นกำไรสุทธิ 1.2 พันล้านบาท สาระสำคัญดังนี้ 1) การฟื้นตัว QoQ สาเหตุหลักมาจากธุรกิจโรงกลั่นโดดเด่น ประเมินค่าการกลั่นจะทำได้ USS12/bbl (+111% QoQ) หนุนด้วยการพุ่งขึ้นของ Crack Spread น้ำมันดีเซล 2) ธุรกิจปิโตรเคมีฟื้นตัว QoQ จากปริมาณขาย หลังโรงงานโอเลฟินส์ขึ้นต้นและ MEG ผ่านช่วงหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ใน 1H66 มาแล้ว 3) อานิสงส์บวกจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ทำให้คาดว่าจะมีกำไรสต็อกน้ำมันสูง 3.9 พันล้านบาท (เทียบกับขาดทุน 2.7 พันล้านบาทใน 2Q66 และ 8.1 พันล้านบาทใน 3Q65) อย่างไรก็ตาม ภาพรวมผลประกอบการยังอยู่ระดับต่ำ เนื่องจาก 4) อัตรากำไรของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมียังอ่อนแอทั้งสายการผลิตอะโรมาติกส์ (PX BZ), โอเลฟินส์, รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากผลิตภัณฑ์ PP ACN นอกจากนี้ คาดว่าการอ่อนค่าของเงินบาท และนโยบายป้องกันความเสี่ยงจะทำให้ 3Q66 มีรายการขาดทุน FX 1.1 พันล้านบาท และขาดทุน Hedging 2.2 พันล้านบาท
4Q66 ยังท้าทาย….อานิสงส์จากธุรกิจการกลั่นลดลง ผสานแผนปิดซ่อมบำรุง
หาก 3Q66 เป็นไปตามคาด ผลประกอบการ 9M66 จะขาดทุนสุทธิ 4.3 พันล้านบาท ถือว่ายังอยู่ในกรอบประมาณการทั้งปีของเรา คงคาดการณ์ปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 4.7 พันล้านบาท แนวโน้ม 4Q66 ยังเป็นช่วงท้าทายของ PTTGC เนื่องจาก 1) ธุรกิจโรงกลั่นจะชะลอล่งตามทิศทางค่าการกลั่นกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อ้างอิงค่าการกลั่นสิงคโปร์ 4TD อยู่ที่ USS4.9/bbl (-49% QoQ) 2) กำไรสต็อกน้ำมันจำนวนมากไม่เกิดขึ้นซ้ำ 3) ธุรกิจปิโตรเคมียังไม่เห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังอ่อนแอ และเกิดความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์บริเวณอิสราเอล 4) บริษัทฯ มีแผนหยุดซ่อมบำรุงโรงงานจำนวนมากทั้งโอเลฟินส์ขั้นต้น, Polymer, ปิโตรเคมีชนิดพิเศษ ส่งผลให้ประเมินว่าอัตราใช้กำลังผลิตโอเลฟินส์ต้นน้ำ และ Polymer จะลดลงเหลือราว 80% และ 95% ตามลำดับ (vs ช่วง 3Q66 ระดับ 105-110%) 5) สัดส่วนการใช้วัตถุดิบ Ethane ยังทำได้เพียงประคองตัว QoQ เนื่องจากการเร่งผลิตก๊าซของโครงการเอราวัณเกิดปัญหาเกี่ยวกับเรือติดตังแท่นผลิต
Valuation อยู่ระดับต่ำแล้ว…แต่ระยะสั้นยังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน
ปรับ Valuation ไปอ้างอิง PBV ที่ 0.6 เท่า โดยให้ส่วนลด -2.0 SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปี (เดิม -1.5 SD) สะท้อนความเสี่ยงจากแนวคิดการปรับโครงสร้างราคาก๊าซในประเทศของภาครัฐ ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนก๊าซสำหรับการผลิตโอเลฟินส์เพิ่มขึ้น รวมทั้งสะท้อนภาวะปัจจัยมหภาคที่ท้าทายต่อตลาดทุนในปัจจุบัน ทั้งเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง, สถานการณ์สงคราม, ภาวะดอกเบี้ยสูง ประเมินได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 40.00 บาท ปัจจุบันหุ้นซื้อขายบน PBV เพียง 0.5 เท่า (-2.5 SD) และเทียบกับราคาเหมาะสมหุ้นมี Upside Gain สูง 16.8% ทางพื้นฐานจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” อย่างไรก็ตาม เชิงกลยุทธ์เรามองว่ายังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน เนื่องจากงบ 4Q66 ยังมีความท้าทาย และช่วง 1 เดือนข้างหน้าห้นโรงกลั่น TOP หรือพลังงานต้นน้ำ PTTEP BANPU จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากกว่า เพราะธุรกิจปิโตรเคมีของ PTTGC ยังอ่อนแอ เป็นตัวถ่วงผลประกอบการ (บริษัทฯ จะรายงานงบการเงิน 3Q66 วันที่ 8 พ.ย.)