บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

IRPC (IRPC) 3Q66 พลิกเป็นกำไรจาก Stock Gain

Action TRADING (Maintain)

  • TP upside (downside) +13.9%
  • Close Oct 18, 2023 Price (THB) 2.02
  • 12M Target (THB) 2.30
  • Previous Target (THB) 2.70

What’s new?

  • คาด 3Q66 จะมีกำไรสุทธิ 2.4 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 2.2 พันล้านบาทใน 2Q66 และ 2.5 พันล้านบาทใน 3Q65 หนุนจากการพุ่งขึ้นของค่าการกลั่น และกำไรสต็อกจำนวนมาก
  • ทั้งนี้ ภาพรวมผลการดำเนินงานหลักยังอ่อนแอและคาดยังเป็นขาดทุนจากการดำเนินงานเนื่องจากอัตรากำไรผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น, ยางมะตอย, ปิโตรเคมียังอ่อนแอ ส่งผลให้ Market GIM จะต่ำกว่าต้นทุนรวม

Our view

  • แนวโน้ม 4Q66 อ่อนแอลง QoQ จากธุรกิจโรงกลั่นชะลอตัวท่ามกลางธุรกิจปิโตรเคมียังไม่ฟื้นตัว ทำให้การสร้างกำไรจากการดำเนินงานยังเป็นเรื่องท้าทาย
  • ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 2.30 บาท สะท้อนความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจโลก, สงคราม, ดอกเบี้ยแพง
  • คงมุมมองระมัดระวังต่อการลงทุน IRPC เพราะการฟื้นตัวของปิโตรเคมี PP ABS จะใช้เวลานานกว่าคู่แข่ง, ผลการดำเนินงานหลักช่วง 6 เดือนข้างหน้ายังอ่อนแอ, ผลกระทบจากต้นทุนพลังงานสูงกว่าคู่แข่ง

คาด 3Q66 ฟื้นตัวตามทิศทางอุตสาหกรรมการกลั่น

คาด 3Q66 จะสามารถทำกำไรสุทธิ 2.4 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุน 2.2 พันล้านบาทใน 2Q66 และขาดทุน 2.5 พันล้านบาทใน 3Q65 หนุนจากการบันทึกกำไรสต็อกน้ำมันจำนวนมาก 3.6 พันล้านบาท (vs ขาดทุน 1.1 พันล้านบาทใน 2Q66 และขาดทุน 2.7 พันล้านบาทใน 3Q65) และการพุ่งขึ้นของค่าการกลั่นเป็น US$8.4/bbl (+104% QoQ) ส่งผลให้ประเมิน 3Q66 จะมีอัตรากำไรธุรกิจหลัก (Market GIM) ที่ US$9.3/bbI (+37% QoQ) อย่างไรก็ตาม ภาพรวมผลการดำเนินงานหลักยังอ่อนแอ และเป็นขาดทุนปกติ 307 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจการกลั่นมีปัจจัยถ่วงจากอัตรากำไรผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น และยางมะตอยที่ลดลงเหลือ USS422/ตัน (-25% QoQ) และ -US$62/ตัน (จาก USS31/ตัน) นอกจากนี้ อัตรากำไรของปิโตรเคมียังปรับตัวลดลง QoQ และ YoY ทุกผลิตภัณฑ์ (ยกเว้น Toluene และ MX) ส่งผลให้เราคาดว่าธุรกิจปิโตรเคมีจะไม่สร้าง GIM ให้แก่บริษัทฯ ในไตรมาสนี้

4Q66 อ่อนแอลง QoQ…สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง

หาก 3Q66 เป็นไปตามคาด ผลประกอบการ 9M66 จะมีกำไรสุทธิ 467 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เรายังคงประมาณการปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 761 ล้านบาท เนื่องจากผลประกอบการ 4Q66 มีแนวโน้มอ่อนแอลง QoQ เนื่องจาก 1) ธุรกิจโรงกลั่นชะลอตัวตามทิศทางค่าการกลั่น สวนทางต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 2) กำไรสต๊อกน้ำมันจำนวนไม่เกิดขึ้นซ้ำ 3) ธุรกิจปิโตรเคมียังไม่ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง ส่งผลให้เราประเมินว่าจุดคุ้มทุน (Break-even) ระหว่าง Market GIM VS ต้นทุนรวมระดับ US$10/bbI ยังมีความท้าทาย ทำให้ IRPC ยังมีโอกาสขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ

ปี 2567 ยังเป็นช่วงที่ท้าทาย ประมาณการมี Downside

มองข้ามไปปี 2567 เรามองว่าสถานการณ์ธุรกิจปิโตรเคมียังอยู่ในช่วงที่ท้าทายต่อไป โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์หลักของ IRPC ทั้ง PP และ ABS เนื่องจากมีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดต่อเนื่อง ท่ามกลางความต้องการใช้ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ ABS ที่อุปสงค์อ้างอิงกับสินค้า Durable Goods (เครื่องใช้ไฟฟ้า ย้านยนต์ ฯลฯ) ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ของเราที่ 3.5 พันล้านบาทเริ่มเห็นความเสี่ยงด้านลบ

ยังคงไม่ใช่เวลาเข้าลงทุน

ปัจจุบันซื้อขายบน PBV ที่ 0.5 เท่า Discount เกือบ -2.5 SD ถือว่า Downside ไม่มากแล้ว อย่างไรก็ตามทางพื้นฐานยังคงมุมมองระมัดระวังต่อหุ้นด้วยคำแนะนำเพียง TRADING มองว่ายังไม่ถึงเวลาเข้าลงทุน เนื่องจาก 1) ผลการดำเนินงานหลักช่วง 6 เดือนข้างหน้ายังอ่อนแอ มีโอกาสขาดทุนจากการดำเนินงานต่อไป 2) การฟื้นตัวในธุรกิจปิโตรเคมีข้ากว่าคู่แข่งเพราะแนวโน้มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ PP ABS ยังอ่อนแอ 3) ภายใต้สถานการณ์ราคาน้ำมันแพง หุ้นจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงาน (Energy Cost) ในกระบวนการผลิตมากกว่าคู่แข่ง เราปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 2.30 บาท โดยปรับไปประเมินมูลค่าหุ้นด้วย PBV ที่ 0.6 เท่า ให้ส่วนลด -2.0 SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปี (เดิม -1.50 SD) เพื่อสะท้อนความไม่แน่นอนจาก ปัจจัยมหภาคทั้งเศษฐกิจโลก, เหตุการณ์สงคราม, และภาวะดอกเบี้ยแพง (บริษัทฯ จะรายงานผลประกอบการวันที่ 8 พ.ย.)

- Advertisement -