บล.บัวหลวง

TMBThanachart Bank (TTB TB / TTB.BK)

TTB – กำไรดีกว่าที่เราคาด เนื่องจาก NIM มากกว่าคาด

กำไรมากกว่าที่เราคาด 6%

TTB รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 4.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% YoY และ 4% QoQ ซึ่งมากกว่าที่เราคาด 6% และมากว่าตลาดคาด 7% กำไรจากการดำเนินงานก่อนตั้งสำรองฯอยู่ที่ 1.02 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% YoY และ 3% QoQ ทั้งนี้กำไร 9 เดือนแรกของปี 2566 คิดเป็น 81% ของประมาณการเดิมทั้งปีของเราที่ 1.67 หมื่นล้านบาท

ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ

การเติบโตของกำไร YoY และ QoQ หนุนมาจาก NIM ที่สูงขึ้น และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่ลดลง NIM ไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 3.36% (สูงกว่าที่เราคาด 14bps) เพิ่มขึ้น 42bps YoY และ 19bps QoQ ได้แรงหนุนจากการเปลี่ยนโฟกัสไปที่ธุรกิจสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น (สินเชื่อส่วนบุคคลและ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ) อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ 43.2% (ต่ำกว่าที่เราคาด 179bps) ลดลงจาก 45.6% ในไตรมาส 3/65 และ 44.3% ในไตรมาส 2/66 เนื่องจากการควบคุมต้นทุนที่ดี สินเชื่อ ณ สิ้นเดือนก.ย. 2566 มีมูลค่ารวม 1.4 ล้านล้านบาท ลดลง 2% YoY (สินเชื่อองค์กรลดลง) และทรงตัว QoQ

อัตราการตั้งสำรองของ TTB ในไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 1.28% เพิ่มขึ้น 3bps YoY และ 3bps QoQ สัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นจาก 2.63% ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2566 มาอยู่ที่ 2.67% ณ สิ้นเดือน ก.ย. อัตราส่วนการตั้งสำรอง ต่อหนี้เสีย ณ สิ้นเดือน ก.ย. อยู่ที่ 143.7% ทรงตัว QoQ

แนวโน้ม

เราคาดกำไรไตรมาส 4/66 ที่ 4.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YOY (NIM ที่เพิ่มขึ้น) แต่ลดลง 4% QoQ (ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล)

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราปรับเพิ่มประมาณ การกำไรปี 2566 ขึ้น 8% มาอยู่ที่ 1.81 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 28% YoY) เนื่องจากเราปรับเพิ่มประมาณการ NIM จาก 3.11% มาอยู่ที่ 3.25% และเราปรับลดอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จาก 44.6% มาอยู่ที่ 43.9% เนื่องจากการควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น และเราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ขึ้น 4% มาอยู่ 1.89 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4% YoY)

คำแนะนำ

เราปรับเป้าหมายการลงทุนจาก ณ สิ้นปี 2566 ไปเป็น ณ สิ้นปี 2567 ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 1.80 บาท แม้เราคาดกำไรสุทธิปี 2566 ของ TTB จะเติบโตถึง 28% แต่เราคาดกำไรสุทธิปี 2567 จะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 4% YoY ราคาหุ้นปัจจุบันดูเต็มมูลค่า โดยซื้อขายที่ PER ที่ 8.8 เท่า (สูงเป็นอันดับสองของค่าเฉลี่ยกลุ่มธนาคาร) สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 7.5 เท่าอย่างมาก ดังนั้นเราจึงแนะนำ “ถือ”

- Advertisement -