บล.บัวหลวง:

Betagro (BTG TB / BTG.BK)

BTG – มองข้ามผลประกอบการที่อ่อนแอในช่วงครึ่งหลังปี 2566 และไปดูการฟื้นตัวในช่วงครึ่งแรกปี 2567

ถึงแม้ว่าเราได้ทำการปรับผลประกอบการบรรทัดสุดท้ายของปี 2566 ไปเป็นขาดทุนสุทธิ เนื่องจากขาดทุนสุทธิที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 2566 จากราคาหมูไทยที่ลดลงแรงกว่าคาดในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค. แต่เราแนะให้นักลงทุนมองข้ามขาดทุนสุทธิที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 2566 และหันไปดูการฟื้นตัวของผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 แทน ซึ่งจะได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของราคาสินค้าปศุสัตว์และต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง เราคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น BTG

ส่องกล้องไตรมาส 3/66-คาดขาดทุนหลักเพิ่มขึ้น QoQ

เราคาดขาดทุนสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 750 ล้านบาท พลิกกลับ YoY จากกำไรสุทธิ 2.3 พันล้านบาทในไตรมาส 3/65 และขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้น 114% QoQ หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิและขาดทุนจากสินทรัพย์ชีวภาพ เราคาดขาดทุนหลักไตรมาส 3/66 ที่ 730 ล้านบาท เทียบกับกำไรหลัก 2.33 พันล้านบาทในไตรมาส 3/65 และขาดทุนหลักเพิ่มขึ้น 172% Q0Q ประมาณการขาดทุนหลักใหม่ในครั้งนี้ถือว่ามากกว่าในครั้งก่อนที่เราคาดเป็นขาดทุนหลักที่ 300 ล้านบาทสำหรับในไตรมาส 3/66 เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาด (จากราคาหมูมีชีวิตไทยที่อ่อนตัวลงมากกว่าที่เราคาดสำหรับในช่วงไตรมาส 3/66) ผลประกอบการหลักที่มีแนวโน้มแย่ลง YOY เนื่องจากฐานกำไรหลักในไตรมาส 3/65 ที่สูงมาก ยอดขายที่ปรับตัวลดลง (สำหรับในทุกหน่วยธุรกิจยกเว้นธุรกิจอาหารสัตว์และเกษตร) และ อัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวลดลง (ซึ่งเป็นผลมาจากราคาไก่ไทย ราคาหมูไทยและราคาหมูกัมพูชาที่ปรับตัวลดลง) ขาดทุนหลักที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจาก 1) ราคาหมูไทย ราคาไก่ไทย และราคาหมูกัมพูชาที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และ 2) อัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวลดลงเนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่ลดลง ซึ่งกลบต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง QoQ สำหรับในไตรมาส 3/66

เราคาดยอดขายไตรมาส 3/66 ที่ 2.71 หมื่นล้านบาท ลดลง 8% YoY (แต่เพิ่มขึ้น 2% QoQ ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากวอลุ่มขายที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 6%QoQ กลบราคาขายเฉลี่ยที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง 4% QoQ) เราคาดว่ายอดขายของทุกธุรกิจในไตรมาส 3/66 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ และคาดอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/66 ที่ 8.2% (ลดลงจาก 21.2% ในไตรมาส 3/65 และ 10.5% ในไตรมาส 2/66) อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารและโปรตีน รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจในต่างประเทศมีแนวโน้มลดลง QoQ เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่ปรับตัวลดลง ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น QoQ หนุนโดยการฟื้นตัวของวอลุ่มขาย ซึ่งมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวเพิ่มขึ้น 15% QoQ และ อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจอาหารสัตว์และเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับไปสู่สัดส่วนของผลิตภัณฑ์อาหารหมูเพิ่มขึ้น ซึ่งให้อัตรากำไรในระดับสูง และต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง เราคาดขาดทุนของธุรกิจในประเทศกัมพูชาในไตรมาส 3/66 มีแนวโน้มใกล้เคียงกับขาดทุนในไตรมาส 2/66 เนื่องจากอุปทานหมูซึ่งยังคงอยู่ในภาวะที่ล้นตลาด

มองข้ามผลประกอบการที่อ่อนแอในช่วงครึ่งหลังปี 2566 และไปดูการฟื้นตัวในช่วงครึ่งแรกปี 2567

เนื่องจากราคาหมูมีชีวิตไทยเฉลี่ย (ใช้ค่าเฉลี่ยของราคาในตลาดนครปฐมและตลาดกทม.) ปรับตัวลดลงอีกครั้ง 19% จากระดับสูงสุดครั้งล่าสุดที่ 70 บาท/กก. (28 ส.ค.-10 ก.ย.) เหลือ 57 บาท/กก. (16-19 ต.ค.) ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะฝนที่กลับมาตกเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค. และการเข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจในช่วง วันที่ 15-23 ต.ค. เรามองว่าระดับราคาหมูมีชีวิต ณ ปัจจุบันมีแนวโน้มแตะจุดต่ำสุดในช่วงเทศกาลกินเจ และคาดว่าราคาหมูมีชีวิตมีแนวโน้มกลับไปฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงกลางหรือช่วงปลายเดือนพ.ย. 2566 เป็นต้นไป การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาปศุสัตว์ไทยตามปัจจัยด้านฤดูกาลมีแนวโน้มเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 และต่อเนื่องไปยังช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งความรุนแรงจะเพิ่มมากขึ้นจากภาวะอากาศที่เป็นเอลนีโญ่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ดังนั้นเราจึงคาดว่าผลประกอบการของ BTG มีแนวโน้มกลับไปฟื้นตัวแข็งแกร่งอีกครั้งในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 จากการฟื้นตัวของราคาปศุสัตว์ไทย และต้นทุนวัตถุดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

ปรับประมาณการปี 2566 ไปเป็นขาดทุนสุทธิเนื่องจากราคาหมูมีชีวิตไทยที่ลงแรงกว่าคาด

เราคาดขาดทุนหลักไตรมาส 4/66 ที่ 600 ล้านบาท เทียบกับกำไรหลักในไตรมาส 4/65 ที่ 1.66 พันล้านบาท แต่ขาดทุนหลักคาดว่าจะลดลง 18% QoQ และเนื่องจากขาดทุนสำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ที่มีแนวโน้มมากกว่าที่เราคาดก่อนหน้า เราจึงทำการปรับประมาณการผลประกอบการปี 2566 อีกครั้ง จากเดิมกำไรสุทธิ 160ล้านบาทไปเป็นขาดทุนสุทธิ 1.31 พันล้านบาท และปรับจากเดิมกำไรหลัก 265 ล้านบาทไปเป็นขาดทุนหลัก 1.19 พันล้านบาท เราทำการปรับลดราคาเป้าหมายลงอีก 9% (เหลือ 33.5 บาท)ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566

- Advertisement -