บล.บัวหลวง:
Thai Coconut (COCOCO TB /COCOCO.BK)
COCOCO – เข้ามาไม่นานเท่าไหร่ … แต่ไปได้ไกลกว่าที่คิด
คาด 3Q23 กำไรหลักจะยังทรงตัวในระดับ New High ได้ หนุนโดยรายได้ที่เติบโตแกร่ง แม้จะเป็นไตรมาสที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปกติจากการเข้า IPO และการกลับมาเดินทาง-ออกบูธลุยทำการตลาดอีกครั้งหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ซึ่งก็เห็นผลทันทีทำให้ได้วางแผนการออเดอร์จากลูกค้าใหญ่สำหรับปี 2024/25 ที่นำมาสู่การตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมะพร้าวจาก 2 เท่า (แผนเดิม) เป็น 3 เท่าตัว ภายใน ปี 2025 และเปิด Upside ต่อประมาณการกำไรปี 2024-25
คาดกำไรหลัก 3Q23 ยืนทำ New High ได้ แม้ค่าใช้จ่ายสูงกว่าปกติ
เราคาดการณ์กำไรสุทธิ 3Q23 ที่ 145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% QoQ (ไม่มีฐาน 3Q22 เทียบ YoY) แต่หักขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ คาดกำไรหลักที่ 151 ล้านบาท ทรงตัว QoQ (จากฐานกำไรหลักสูงสุดใน 2Q23) โดยคาดยอดขายเติบโตราว 15% QoQ หนุนโดยกลุ่มน้ำมะพร้าวเติบโตราว 20% QoQ ชดเชยกลุ่มกะทิที่ลดลง 10-15% QoQ (ตามกลยุทธ์บริษัทที่จะโฟกัสขายน้ำมะพร้าว ซึ่ง Margin ดีกว่า) ขณะที่ GM เราคาดอนุรักษ์นิยมที่ 26% (ทรงตัว Q0Q) แต่ในด้านค่าใช้จ่ายคาดว่าจะสูงขึ้นราว 30-40 ล้านบาท เกิดจากทั้งจากกิจกรรมเกี่ยวเนื่องกับ IPO (One-time) รวมทั้งค่าเดินทาง-ออกบูธแสดงสินค้าครั้งใหญ่ ที่ห่างหายไปนานตั้งแต่โควิด-19 ระบาด ซึ่งช่วงเวลาปกติจะสูงสุดในไตรมาส 3 ดังนั้นใน 4Q23 แม้เป็น Low season แต่คาดว่ามีโอกาสที่จะเห็นกำไรหลักอาจทรงตัว QoQ ได้ และเป็น Upside ต่อกำไรทั้งปีราว 10-15% ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทประกาศจ่ายเงินปั่นผลระหว่างกาล 0.20 บาท (จากกำไรสะสม) คิดเป็น Div. yields ราว 2.1% ขึ้น XD วันที่ 2 พ.ย. 2023
ออเดอร์ล้นไลน์การผลิตใหม่ จนต้องปรับแผนขยายกำลังผลิตเป็น 3 เท่า
สำหรับธุรกิจน้ำมะพร้าวที่กำลังเร่งการเติบโต ล่าสุดหลังเดินสายหาลูกค้าใหม่จบ (โดยเน้นลูกค้าจีน) ผู้บริหารได้ขออนุมัติบอร์ดฯ เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 3.10 แสนตัน/ปี จากเดิมเสนอไว้ 2.18 แสนตัน ตอนขาย IPO (+42%) และของจริงในปัจจุบัน 1.1 แสนตัน (+181%) เพื่อรองรับออเดอร์ที่วางแผน ร่วมกับลูกค้าไว้ล่าสุด การ COD จะทยอยเพิ่มช่วงปี 2024-25 (เต็มปี 2025)
หากเป็นไปตามแผน มี Upside สูง และ Valuation ที่แสนจะถูกลง
เราได้ประเมิน Sensitivities ใน Figure 2 สำหรับการขยายกำลังการผลิตใหม่ และการ Ramp-up ของ Utilization rate ที่มากกว่าการประมาณการอนุรักษ์นิยมในปัจจุบัน พบว่ากรณีเป็นไปได้ (Likely case) และแบบใส่ความคาดหวังเพิ่ม (Bull case) จะเป็น Upside ต่อกำไรปี 2024 อย่างน้อยราว 11-28% ตามลำดับ ทำให้ PER (บนราคาปัจจุบัน) จะลดลงจาก 20 เท่า เหลือ 18 และ 16 เท่าตามลำดับ และ PEG จะต่ำเพียง 0.6 และ 0.4 เท่า ตามลำดับนอกจากนี้ บริษัทได้เปิดวิสัยทัศน์ระยะยาวเพิ่มเติม ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตน้ำมะพร้าวแต่จะเป็น “Global Beverage Firm” โดยเพิ่มการผลิตน้ำผลไม้อื่นๆ ไปตีตลาดโลกในปีหน้าด้วย (เป็น Upside ในอนาคต)
ความเสี่ยงที่สำคัญ: การจัดหาวัตถุดิบ และราคามะพร้าว, สินค้าทดแทน, การแข่งขัน, การบริหารสต็อค, ข้อกฏหมาย การละเมิดสิทธิ และอัตราแลกเปลี่ยน