บล.บัวหลวง:
Bank – แนวโน้มไตรมาส 4/66 แข็งแกร่ง และมูลค่าน่าสนใจ (OVERWEIGHT)
เราคาดกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำจะรายงานกำไรไตรมาส 4/66 ที่เติบโต 32% YoY หนุนจากสินเชื่อและการขยายตัวของ NIM คุณภาพสินทรัพย์ยังคงดี เราให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารมากกว่าตลาด โดยเราชอบ BBL และ KTB มากที่สุด
กำไรรวมไตรมาส 3/66 ตรงกับที่เราคาด
ธนาคารทั้ง 7 ที่เราให้คำแนะนำรายงานกำไรสุทธิรวมไตรมาส 3/66 ที่ 5.05 หมื่นล้านบาท (รูปที่ 1) เพิ่มขึ้น 13% YoY แต่ลดลง 3% QoQ (รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง หลักๆจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่ลดลง) กำไรรวมตรงกับที่เราและตลาดคาดกำไรสุทธิของ BBL TTB และ KBANK มากกว่าคาด โดยหลักจาก NIM ที่สูงขึ้นและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่น้อยกว่าคาด ในทางตรงกันข้ามกำไรของ SCB และ KKP ออกมาต่ำกว่าที่เราคาด โดยหลักมาจากการตั้งสำรองที่สูงกว่าที่คาด (และ KKP รายงานขาดทุนอย่างมากจากการขายรถยนต์ที่ถูกยึด) ผลประกอบการของ TISCO และ KTB เป็นไปตามประมาณการของเรา
คุณภาพสินทรัพย์ยังคงแข็งแกร่ง
หนี้เสียรวมของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำ ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2566 มีมูลค่ารวม 4.385 แสนล้านบาท ลดลง 3% YoY และทรงตัว QoQ อัตราส่วนหนี้เสีย/สินเชื่อรวมเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำ ณ สิ้นเดือน ก.ย. อยู่ที่ 2.96% ไม่เปลี่ยนแปลง QoQ ในขณะที่อัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้เสียเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 185.6% ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2566 มาเป็น 186.8% ณ สิ้นเดือน ก.ย. ตัวเลขเหล่านี้บ่งชี้ว่าคุณภาพสินทรัพย์ยังคงดีอยู่ เราคาดว่าอัตราส่วนหนี้เสีย/สินเชื่อรวมเฉลี่ยกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำจะผ่อนคลายลง ณ สิ้นปี 2566 จากการเติบโตของ GDP ตามฤดูกาล ที่เร่งตัวขึ้นในไตรมาส 4/66 หนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น QoQ และการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
กำไรสุทธิรวมไตรมาส 4/66 มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น 32% YoY แต่ลดลง 14% QoQ
เราคาดกำไรสุทธิรวมในไตรมาส 4/66 ที่ 4.36 หมื่นล้านบาท (รูปที่ 1) เพิ่มขึ้น 32% YoY แต่ลดลง 14% QoQ (ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้นและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง โดยส่วนใหญ่จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่ลดลง) กำไรสุทธิคาดจะเพิ่มขึ้น YoY จากการเติบโตของสินเชื่อรวม ที่ 2.6% YoY และ 1.5% QoQ และเราคาดว่า NIM เฉลี่ยของไตรมาส 4/66 จะเพิ่มขึ้น 32bps YoY และ 4bps QoQ เราตั้งสมมติฐานอัตราการตั้งสำรองเฉลี่ยสำหรับไตรมาสนี้ คือ ลดลง 14bps YoY (ทรงตัว QoQ) โดยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เราคาดว่า KBANK จะเป็นผู้นำการเติบโตของกำไรในไตรมาส 4/66 ที่ 182% YoY ตามมาด้วย BBL (เพิ่มขึ้น 28% YoY) TTB (เพิ่มขึ้น 18% YoY) SCB (เพิ่มขึ้น 14% YoY) KTB (เพิ่มขึ้น 13% YoY) และ TISCO ( เพิ่มขึ้น 7% YoY) ในทางตรงกันข้าม เราคาดว่า KKP น่าจะรายงานกำไรที่ลดลง 12% YoY เนื่องจากการตั้งสำรองที่หนักขึ้นและขาดทุนจากการขายรถยนต์ที่ถูกยึดมากขึ้น
เราคาดการณ์กำรรวมปี 2566 ที่ 1.951 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY หนุนจากการเติบโตของสินเชื่อ การขยายตัวของ NIM และอัตราส่วนต้นทุน/รายได้เฉลี่ยที่ลดลง และเราคาดกำไรสุทธิรวมที่ 2.101 แสนล้านบาทในปี 2567 เพิ่มขึ้น 8% YoY