บล.บัวหลวง:

Kiatnakin Phatra Bank (KKP TB / KKP.BK)

KKP – ต่ำกว่าคาด! ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากการขายรถยนต์ที่ถูกยึด

ผลประกอบการตำกว่าที่เราคาด 8%

KKP รายงานกำไรไตรมาส 3/66 ที่ 1.3 พันล้านบาท ลดลง 39% YoY และ 9% QoQ ซึ่งต่ำกว่าที่เราคาด 8% (และต่ำกว่าตลาดคาด 11% อ้างอิงจาก Bloomberg) เนื่องจากอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่มากกว่าคาด กำไรจากการดำเนินงานก่อนตั้งสำรองฯ อยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท ลดลง 18% YoY และ 13% QoQ ทั้งนี้กำไร 9 เดือนแรกของปี 2566 คิดเป็น 74% ของประมาณการ ทั้งปีเดิมของเราที่ 6.4 พันล้านบาท

ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ

การปรับตัวลดลงของกำไร YoY และ QoQ เนื่องจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน ที่เพิ่มขึ้น อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 57.5% (เราคาดที่เพียง 50.0%) เพิ่มขึ้นจาก 45.7% ในไตรมาส 3/65 และ 51.1% ในไตรมาส 2/66 โดยหลักมาจากขาดทุนเพิ่มขึ้นจากการขายรถยนต์ที่ถูกยึด อัตราส่วนการตั้งสำรองของ KKP ในไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 1.67% เพิ่มขึ้น 44bps YoY แต่ลดลง 23bps QoQ สัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือน ก.ย. อยู่ที่ 3.70% ทรงตัว QoQ อัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้เสียเพิ่มขึ้นจาก 136.6% ณ สิ้นเดือน มิ.ย. มาอยู่ที่ 139.4% ณ สิ้นเดือน ก.ย.

สินเชื่อ ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2566 มีมูลค่ารวม 4.018 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY (หนุนโดยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อองค์กร) และทรงตัว QoQ NIM ในไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 4.79% เพิ่มขึ้น 70bps YoY และ 30bps QoQ หนุนโดยดอกเบี้ยรับจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์จำนวน 607 ล้านบาทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ YoY และ QoQ 3Q66 รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยมีมูลค่ารวม 1.5 พันล้านบาท ลดลง 28% YoY และ 24% QoQ เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้บริการที่ลดลงจากธุรกิจตลาดทุนและกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่ลดลง

แนวโน้ม

เราคาดกำไรไตรมาส 4/66 ที่ 1.2 พันล้านบาท ลดลง 12% YoY (ทรงตัว QoQ) เนื่องจาก NIM ที่ลดลง เราคาดรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 4/66 ที่ 1.8 พันล้านบาท ลดลง 31% YoY (รายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้บริการที่ลดลง) แต่เพิ่มขึ้น 24% QoQ (รายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้บริการที่สูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล)

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลง 6% มาอยู่ที่ 6.0 พันล้านบาท (ลดลง 21% YoY) เนื่องจากอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ถูกปรับขึ้นจาก 49.1% มาอยู่ที่ 51.8% เนื่องจากขาดทุนเพิ่มขึ้นจากการขายรถยนต์ที่ถูกยึด นอกจากนี้เราปรับลดประมาณการการเติบโตของสินเชื่อลงจาก 13% YoY มาอยู่ที่ 8% YoY เนื่องจากคาดว่า KKP จะกำหนดเกณฑ์การคัดกรองที่เข้มงวดยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อ นอกจากนี้เรายังปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ลง 18% มาอยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท (ลดลง 6% YoY)

คำแนะนำ

เราปรับเป้าหมายการลงทุนจาก ณ สิ้นปี 2566 ไปเป็น ณ สิ้นปี 2567 ที่ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 46 บาท PER ปี
2567 ของ KKP อยู่ที่ 7.7 เท่า ขณะที่เราไม่คาดว่ากำไรจะเติบโตในปี 2567 แต่เรายังคงกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์ของ KKP ดังนั้นเราจึงปรับลดคำแนะนำจาก ถือ เป็น ขาย

- Advertisement -