KS Daily View 25.10.2023 >>> จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการทำงบขาดดุลเพิ่ม หนุน SET ฟื้นตัวในกรอบ 1,390-1,425 จุด หุ้นแนะนำ PSL, ERW
สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้
ต่างประเทศ : ดัชนี DJIA +0.62%, S&P 500 +0.73%, NASDAQ +0.93%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Utilities (+2.57%), Communication Services (+1.38%), Real Estate (+1.19%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Energy (-1.42%) เป็นต้น
ในประเทศ: SET Index -8.32 จุด หรือ -0.59% ปิดที่ 1,391.03 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ SABUY (+12.35%), OSP (+5.24%), RATCH (+4.76%), IVL (+4.35%) เป็นต้น ส่วนที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ BLA (-10.00%), ESSO (-5.94%), KKP (-4.85%), SCB (-3.76%) เป็นต้น
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ประเมินตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวในกรอบ 1,390 – 1,425 จุด จาก 1.) เริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นต่างประเทศหลังเข้าสู่ภาวะที่ถูกขายมากเกินไป (Oversold) โดยจากดัชนี CNN Fear & Greed index ได้ฟื้นตัวมาที่ระดับ “Fear” ที่ 32 จุด จากก่อนหน้าที่เข้าเขต “Extream Fear” ที่ระดับ 27 จุด 2.) สงครามอิสราเอล-ฮามาสยังคงจำกัดวง ยังไม่ได้บานปลายเป็น Proxy war หรือมีประเทศสำคัญในตะวันออกกลางเข้าร่วม และ 3.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี (US10Y bond yield) ล่าสุดปรับตัวลดลงต่ออีก 1.5bps. มาที่ระดับ 4.82% จากนักลงทุนที่เปิด position short ก่อนหน้านี้ขายทำกำไรบนความกังวลภาวะ Recession จากสงครามและเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยประเมินแนวรับที่ 1,390 จุดเป็นแนวรับสำคัญ อิงจากค่าเฉลี่ย fwd P/E ย้อนหลัง 15 ปีที่ 13.9x (ย้อนไปถึงปี 2008 ที่หุ้นไทยยังเทรด fwd P/E 12x) และ EPS คาดการณ์ของ Bloomberg Consensus ที่ 100 จุด
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) รัฐบาลจีนได้ปรับตัวเลขการขาดดุลงบประมาณปี 2566 ขึ้นเป็น 3.8% ของจีดีพีจากระดับ 3.0% ที่วางไว้ตอนเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ทำให้คาดว่าจะมีเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก 1 ล้านล้านหยวน หรือ 1.37 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้เป้าหมายการใช้เงินจะเน้นที่การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และช่วยเหลือภาคอสังหาฯที่ประสบปัญหาในตอนนี้
2.) ตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของยุโรปเบื้องต้น (Flash Manufacturing PMI) สำหรับเดือนต.ค. ออกมาที่ 43 จุด ต่ำกว่าคาดที่ 43.7 ส่วนทางสหรัฐฯ ออกมาที่ 50 จุดใกล้เคียงคาดที่ 49.5 จุด โดยตัวเลขฝั่งยุโรปที่ออกมาแย่กว่าคาด บวกกับการรายงานยอดขายปลีกน้ำมันดีเซลของฝรั่งเศสที่ลดง -13% YoY ในเดือน ก.ย. และสงครามอิสราเอล-ฮามาสที่ยังจำกัดวง ทำให้นักลงทุนมีการขายทำกำไรน้ำมันดิบส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง -2% DoD วานนี้ปิดที่ US$88/bbl. มองเป็นลบกับกลุ่มพลังงาน แต่บวกกับกลุ่มขนส่ง/การบิน
3.) กสทช. จะพิจารณาควบ AWN-3BB ในวันนี้ โดยมีเงื่อนไขต้องไม่ผูกขาดสร้างผลกระทบต่อผู้บริโภค ซึ่งหากผ่านจะเป็น sentiment บวกกับ ADVANC, INTUCH
4.) ครม. อนุมัติลดราคาแก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 2.5 บาท โดยใช้วิธีลดภาษีสรรพสามิตเป็นเวลา 3 เดือน มองช่วยคลายความกังวลต่อกลุ่มปั๊ม เนื่องจากจะไม่กระทบค่าการตลาด ทั้งนี้ปัจจุบันรัฐเก็บภาษีสรรพสามิตรเบนซิน 5.85 บาทต่อลิตร และเงินกองทุนน้ำมัน 2.80 บาทต่อลิตร
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,390 – 1,425 จุด แม้ sentiment หุ้นไทยยังคงเปราะบางจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวสูงขึ้น และสงครามยังมีความไม่แน่นอน แต่คาดจะเห็นการฟื้นตัวในสัปดาห์นี้หลังการรายงานตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย. ดีกว่าคาด และจีนกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ทั้งนี้ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่ 1.) การประกาศกำไร 3Q23 ของบริษัทจดทะเบียน; 2.) ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศ; 3.) ราคาน้ำมันดิบจากความเสี่ยงที่สงครามอิสราเอล-ฮามาสจะขยายวงในตะวันออกกลาง; และ 4.) ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 ของสหรัฐฯ และดัชนี PCE/Core PCE Indice ของสหรัฐฯ เดือนก.ย.
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- PSL (ราคาพื้นฐาน 12.50 บาท) คาดได้ sentiment บวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน แม้เมื่อคืนที่ผ่านมาดัชนีค่าระวางเรือ BDI จะปรับลดลง -3.37% DoD มองเป็นโอกาสซื้อเมื่ออ่อนตัว โดยปัจจุบันราคาหุ้น PSL ยังเทรดต่ำกว่า BV ที่ 10.77 บาท
- ERW (ราคาพื้นฐาน 6.10 บาท) คาดกำไรปกติไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 143 ลบ. เพิ่มขึ้น 7% QoQ แต่พลิกกลับจากผลขาดทุนปกติที่ 11 ลบ. ในไตรมาส 3/65 และดีกว่ากำไรไตรมาส 3/62 ที่ 43 ลบ. จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของกลุ่มโรงแรมที่ไม่ใช่ Hop Inn ซึ่งส่งผลให้ RevPar สูงขึ้น โดยมอง sentiment ของกลุ่มท่องเที่ยวจะดีต่อเนื่องจากมาตรการหนุนของภาครัฐ ทั้งการยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีน และมีโอกาสที่จะยกเว้นให้ถาวร รวมถึงจะขยายนโยบายฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวไต้หวัน และอินเดียด้วย
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพุธติดตามดัชนีความเชื่อมั่นภาคธรุกิจของเยอรมัน (German Ifo Business Climate) เดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 86.0 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 85.7 จุด และต่อด้วยตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ (New Home Sale) เดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 6.79 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 6.75 ล้านยูนิต
- วันพฤหัสบดีติดตาม การประชุมธนาคารกลางของยุโรป (ECB) ตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.50% ต่อด้วยตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ สำหรับ ไตรมาส 3/2566 ตลาดคาดขยายตัว 4.1% QoQ เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 2.1% QoQ
- วันศุกร์ติดตามตัวเลขดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลของสหรัฐฯ (Personal Consumption Expenditure Price Index) เดือน ก.ย. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นที่ 0.3% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.1% MoM และตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของผูบ้ ริโภค University of Michiganของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 63 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 68.1 จุด