บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
SCG Packaging (SCGP.BK/SCGP TB)*
สู้กับช่วงเวลาที่ท้าทาย
Event
ประเด็นสำคัญที่ได้จากการประชุมนักวิเคราะห์และผลประกอบการ 3Q66
Impact
นักลงทุนเป็นห่วงเกี่ยวกับจีนและอินโดนีเซียมากขึ้น
การฟื้นตัวดูเหมือนจะช้ากว่าที่ SCGP ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ จากสถานการณ์ที่ท้าทายมากขึ้น ทั้งนี้บริษัทใช้กลยุทธ์ที่ระมัดระวังมากขึ้น เราเชื่อว่าการแข่งขันที่เข้มข้นในอินโดนีเขียจะยังคงเป็นจุดสนใจหลัก ในขณะที่เรามองการฟื้นตัวของจีนแบบระมัดระวัง หลังจากที่เกิดปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ เราคิดว่าสถานการณ์ในประเทศจีนอาจจะกดดัน SCGP จากการที่จีนนำเข้ากระดาษบรรจุภัณฑ์ลดลง ส่งผลให้การแข่งขันในประเทศของตลาดส่งออกเป็นไปอย่างเข้มข้น ถึงแม้ว่าดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนจะดีขึ้น แต่เราคาดว่าการนำเขากระดาษบรรจุภัณฑ์ ซึ่งอยู่ที่ 90% ของระดับก่อน lock down จะยังอยู่ในช่วง 0.7-0.8 ล้านตัน/เดือน ในระยะสั้น เว้นแต่จะมีการออกมาตรการกระตุ้นขนานใหญ่ออกมา สำหรับ Fajar ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีการแข่งขันสูงที่สุด SCGP เชื่อว่าผลการดำเนินงานจะเป็นบวกในปี 2567F เพราะการเลือกตั้งทั่วประเทศจะช่วยหนุนความเชื่อมั่นผู้บริโภค และการจับจ่ายใช้สอย ทั้งนี้ Fajar มีผลขาดทุนหนักขึ้น โดยที่ EBITDA margin ใน 3Q66 อยู่ที่ 6.9% (จาก -0.2% ใน 2Q66)
แนวโน้มเป็นอย่างไร…?
เรายังคงประมาณการกำไรปี 2566-2568F ซึ่งต่ำกว่าตลาดอยู่ 8-10% เราคาดว่ากำไรใน 4Q66F จะดีขึ้น QoQ และ YoY จากการบริโภคที่แข็งแกร่งขึ้นตามฤดูกาล และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น เรายังไม่แน่ใจกับสถานการณ์ในปี 2567F เพราะอานิสงส์จากทางด้านต้นทุนน่าจะแผ่วลงไป ท่ามกลางภาวะที่ราคากระดาษ testliner ในภูมิภาคเริ่มลดลง
ผลประกอบการ 3Q66 – เป็นไปตามคาด
กำไรสุทธิ SCGP ใน 3Q66 อยู่ที่ 1.33 พันล้านบาท (-28% YoY, -11% QoQ) เป็นไปตามเราและตลาดคาด ส่วนกำไรหลักอยู่ที่ 1.31 พันลานบาท (-13% YoY, -9% QoQ) ทังนี้ กำไรสุทธิ 9M66 อยู่ที่ 4.0 พันล้านบาท (-25% YoY) คิดเป็น 76% ของกำไรปี 2566F กำไรที่ลดลง QoQ เพราะผลการดำเนินงานกลุ่ม fibrous อ่อนแอลง (20% ยอดขาย) เพราะการ overhaul ใหญ่ตามกำหนด (ต้นทุน ~100 ล้านบาท), low season และราคา dissolving pulp อ่อนแอลง ส่งผลให้ EBITDA margin ลดลงมาอยู่ที่ 13.0% (จาก 16.1% ใน 2Q66) ทั้งนี้กลุ่ม integrated packaging (75% ยอดขาย) มี EBITDA margin เพิ่มเป็น 15.4% (จาก 15.0% ใน 2Q66) เพราะได้อานิสงส์ต้นทุน (กระดาษรีไซเคิล, ถ่านหิน, และค่าระวาง) แม้ว่าปริมาณและราคาลดลง ส่วนกำไรลดลง YoY เพราะการแข่งขันที่เข้มข้น และอุตสาหกรรมยังไม่พื้นตัวเต็มที่
Valuation and action
เรายังคงคำแนะนำถือ SCGP ด้วยราคาเป้าหมายที่ 39.00 บาท อิง EV/EBITDA ที่ 9x (ค่าเฉลี่ยหุ้นในกลุ่มฯ ที่ต่างประเทศ) ทั้งนี้จากความกังวลที่เพิ่มขึ้น (การแข่งขัน, ดอกเบี้ยขาขึ้น, และพันธะในการเข้าซื้อ Fajar) เราคิดว่า ROE และ ROA ของ SCGP น่าจะฟื้นตัวได้ยาก นอกจากนี้ ท่ามกลางสภาวะที่นักวิเคราะห์ในตลาดปรับลดประมาณการ และราคาเป้าหมายลงอย่างมาก เราคาดว่าราคาหุ้นน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะมาช่วยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น
Risks
ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ และพลังงาน, ความเสี่ยงด้อยค่าดีล M&A, และความเสี่ยงของประเทศ