ยังไม่เห็นปลายทาง / 1,375-1,405

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET เดินหน้าในทางลง : โดยถูกกดดันจากความกังวลว่าเฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน  หลังจากสหรัฐฯเผยยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 12.3%m-m สู่ระดับ 7.59 แสนยูนิตในเดือนก.ย.บ่งชี้ตลาดอสังหาฯ แข็งแกร่ง และจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด สอดรับกับ Bond Yield ของสหรัฐฯ 2 และ 10 ปี ที่ปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 5.15 และ 4.97% ตามลำดับ ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงยังถูกกดดันจากความวิตกว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางจะทวีความรุนแรง หลังจากอิสราเอลประกาศความพร้อมที่จะโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซา สอดรับกับราคา COMEXGold ที่ปรับตัวขึ้น 0.44% ปิดที่ระดับ $1,994.9 ต่อออนซ์ ขณะที่หุ้นในกลุ่มจับจ่ายใช้สอยคาดได้รับ Sentiment ทางลบ หลังวานนี้อนุกก.ดิจิทัลวอลเล็ตได้เตรียม 3 ทางเลือกตัดสิทธิ์คนรวย ได้แก่ 1) ให้สิทธิเฉพาะผู้ยากไร้ ราว15-16 ล้านคน โดยใช้ฐานข้อมูลจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2) ตัดกลุ่มผู้มีเงินเดือนเกิน 2.5 หมื่นบาท และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากเกิน 1 แสนบาท และ 3) ตัดกลุ่มผู้มีเงินเดือนเกิน 5 หมื่นบาท และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากเกิน 5 แสนบาท เพื่อให้กก.ชุดใหญ่ได้ตัดสินใจ ส่วนแรงพยุงของ SET Index ในวันนี้ คาดมาจาก 1) หุ้นในกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น 1.97% ปิดที่ $85.39 ต่อบาร์เรล จากความกังวลสถานการณ์ตะวันออกกลาง และ 2) หุ้นที่มีความถี่ยวเนื่องกับจีน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจีนอนุมัติการออกพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 1 ล้านล้านหยวนเพื่อกระตุ้นศก. ขณะที่คืนนี้ติดตามปัจจัยทางเศรษฐกิจ ได้แก่ 1) การประชุม ECB ทางฝ่ายคาดมีมติคงอัตราดอกเบี้ย และ 2) การรายงาน GDP3Q66 (ครั้งที่ 1) ของสหรัฐฯ ตลาดคาดขยายตัว 4.5% q-q เร่งตัวขึ้นจาก 2.1% q-q
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) พลังงานต้น-กลางน้ำ: BCP, PTTEP, TOP 2) ความหวังจีนกระตุ้นศก.: NER, PTTGC, SCGP, STA และ 3) สะสมระยะยาวในหุ้น P/BV ต่ำ: BBL, BCPG, CPF, PSL, SPALI และหุ้นปันผลดี+สม่ำเสมอ: KKP, LH, TCAP, SIRI, TISCO

ปัจจัยบวก

  • กรมพัฒฯ เผยว่าการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว 9M66 คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 493 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 84,013 ลบ. โดยในเดือนก.ย. มีจำนวน 59 ราย (+2% m-m) และมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 18,229 ลบ. (+167% m-m)
  • รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาใช้จ่ายประมาณ 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อจ่ายเงินให้กับครัวเรือนที่มีรายได้น้อย รวมถึงการลดภาษี เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อครัวเรือนจากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น

ปัจจัยลบ

  • Fund Flow ทิศทางหลักยังไหลออก อีกทั้งมีแนวโน้มถูกกดดันจาก Dollar Index ที่แข็งค่าทดสอบระดับ 106.57 จุด ขุณะที่ MTD และ YTD ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยแล้ว 1.24 หมื่นลบ. และ 1.70 แสนลบ. ตามลำดับ
  • นักยุทธศาสตร์ของบริษัทต่างๆ เช่น Commerzbank AG, Barclays Plc และ UBS Group AG เตือนว่า ECB อาจทำให้ตลาดประหลาดใจ และเพิ่ม MRR (Minimum Reserve Requirements) ทันทีในสัปดาห์นี้
  • คันทรี การ์เดน ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์เป็นครั้งแรก โดยไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์วงเงิน 15.4 ล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลาการผ่อนผัน ซึ่งกำหนดไว้ 30 วัน หลังจากพลาดกำหนดการชำระหนี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา

PICKS OF THE DAY

SCGP BUY
  • เป้าหมาย 37.50 / 39.00 แนวรับ 35.00
  • 4Q66 ฟื้นตัว : ในเดือนต.ค. เริ่มเห็นสัญญาณส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น และมุมมอง 4Q66 คาดฟื้นตัวได้จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอินโดนีเซียและจีน โดยล่าสุดจีนอนุมัติออกพันธบัตร 1 ล้านล้านหยวน ถือเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน และคาดสามารถส่งออกบรรจุภัณฑ์จากอินโดนีเซียไปจีนได้มากขึ้น
  • ราคาหุ้นน่าจะสะท้อนปัจจัยลบแล้ว : ปัจจุบันทางฝ่ายมองว่าราคาหุ้นซื้อขายค่อนข้างต่ำและน่าจะสะท้อนปัจจัยลบแล้ว โดยซื้อขายกันที่ P/BV 1.89x (-1.25 S.D. ของค่าเฉลี่ย) เป็นจังหวะในการเข้า

STA BUY

  • เป้าหมาย 15.00 / 15.30 แนวรับ 14.30
  • ราคายางตอบรับข่าวจีน: จีนเกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ออกพันธบัตรรัฐบาลในปี 67 ในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจจีนให้แข็งแกร่งขึ้น ทำให้ราคายางเปิด Gap พุ่งขึ้นตอบรับข่าวในช่วงบ่ายวานนี้
  • ราคาหุ้น Laggard: ราคายางที่ฟื้นตัวขึ้นมาตั้งแต่เดือน ส.ค. จะเป็นปัจจัยบวกต่อ STA ด้วยปัจจุบันมีการขายล่วงหน้าประมาณ 2 เดือน ซึ่งจะทำให้ในช่วง 4Q66 มีราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ปัจจุบันราคาหุ้นยังไม่ค่อยปรับตัวตามหากเทียบกับราคายางในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น
- Advertisement -