บล.บัวหลวง:
JMT Network Services (JMT TB /JMT.BK)
JMT – มูลค่าหุ้นถูกลงไปมาก ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4/66 จะดีขึ้น
ธุรกิจหนี้มีหลักประกันของ JMT มีแนวโน้มอ่อนตัวลงบางส่วนในครึ่งปีหลังของปี 2566 เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง แต่เราคาดว่าธุรกิจหนี้ไม่มีหลักประกันจะยังคงแข็งแกร่ง ราคาหุ้นปรับตัวลง 32% นับตั้งแต่เดือน ต.ค.จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเรามองว่าเป็นการปรับลดลงที่มากเกินไปของตลาด
ธุรกิจหนี้ไม่มีหลักประกันยังคงแข็งแกร่งในครึ่งหลังของปี 2566….
เราจัดงาน Virtual Conference กับ JMT เมื่อวันที่ 19 ต.ค. โดยได้รับเกียรติจากคุณปิยะ พงษ์อัชฌา กรรมการบริหาร และคุณสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทมั่นใจว่าธุรกิจหนี้ไม่มีหลักประกันจะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี 2566 หนุนโดยการเพิ่มหนี้ภายใต้การบริหาร JMT ซื้อหนี้ใหม่ในครึ่งแรกของปี 2566 ด้วยต้นทุน 4.1 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 268% YoY) บริษัทเริ่มเก็บเงินสดจากหนี้ใหม่ในไตรมาส 3/66 มูลค่าหนี้ที่ JMT บริหารมีมูลค่ารวม 3.685 แสนล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2566 เพิ่มขึ้น 50% YoY และ 18% QoQ ดังนั้นเราจึงคาดว่ากระแสเงินสดจะเติบโตในครึ่งหลังของปี 2566 เป็นต้นไป
..แต่ธุรกิจหนี้มีหลักประกันอาจจะอ่อนตัวลง ดังนั้น…
ธุรกิจหนี้มีหลักประกันของบริษัทมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงบางส่วนในครึ่งหลังของปี 2566 เนื่องจากสภาวะอัตราดอกเบี้ยที่สูง ซึ่งธนาคารต่างๆ ได้กำหนดเกณฑ์การคัดกรองลูกค้าที่เข้มงวดมากขึ้น ลูกค้าหนี้ที่มีหลักประกันพบว่าการรีไฟแนนซ์กับธนาคารเป็นปัญหา ส่งผลให้การปิดชำระหนี้กับ JMT ล่าช้า (แต่ยังคงชำระเงินให้กับ JMT ทุกเดือน) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจการเก็บเงินสดจากหนี้ที่มีหลักประกันของบริษัทในครึ่งหลังของปี 2566 แต่เราคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2567
…เราปรับลดประมาณการกำไรลง 8% ในปี 2566 และ 9% ในปี 2567
เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 490 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% YoY (แต่ลดลง 11% QoQ เนื่องจากประมาณการขาดทุนจากการให้เครดิตที่เพิ่มขึ้น) ประมาณการกำไรเติบโต YoY ได้แรงหนุนจากการเก็บเงินสด โดยเราคาดอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% YoY (แต่ลดลง 2% QoQ) อิงจากสต็อกหนี้ ณ สิ้นเดือน ก.ย.ที่ 4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% YoY และ 9% Q0Q สำหรับไตรมาส 4/66 เราคาดกำไรสุทธิที่ 587 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% YoY และ 20% QoQ หนุนจากคาดการณ์การเก็บเงินสดที่ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% YoY และ 7% QoQ และขาดทุนจากการให้เครดิตลดลง QoQ เราคาดว่าสต็อกหนี้จะเติบโต 61% YoY และ 5% QoQ ในไตรมาส 4/66
เราปรับลดกำไรสุทธิปี 2566 ลง 8% มาอยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 19% YoY) เนื่องจากเราปรับลดประมาณการการเก็บเงินสดลง 6% และเราปรับเพิ่มประมาณการการตั้งสำรองขึ้นจาก 0.9% มาอยู่ที่ 1.2 (เราคาดการฟื้นตัวของธุรกิจหนี้มีหลักประกันช้าลง) นอกจากนี้เรายังปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ลง 9% มาอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 20% YoY)
ดาวน์ไซด์ที่จำกัด ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน
ราคาหุ้นปรับตัวลง 32% ในเดือน ต.ค. จนถึงปัจจุบัน จากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มกำไรเติบโตที่ชะลอตัวในครึ่งหลังของปี 2566 PER ปี 2567 ของ JMT อยู่ที่ 19 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปีอยู่ 1.3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) และคาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้นในปี 2567-2568 ของเราอยู่ที่ 19% ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วน PEG ที่ 1.0 เท่า (ต่ำกว่าอัตราส่วน PEG เฉลี่ยของ JMT สำหรับปี 2562-2565 ที่ 1.2 เท่าอย่างมีนัยสำคัญ) ราคาเป้าหมายปี 2567 ใหม่ของเราอยู่ที่ 38 บาท ซื้อ!