KS Daily View 27.10.2023 >>> คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,360-1,390 จุด อาจมีแรงรีบาวน์ได้บ้างเล็กน้อย อิสราเอลบุกภาคพื้นดิน GDP สหรัฐฯ โตดีกว่าคาด จับตาตัวเลข PCE และการประชุมเฟด หุ้นแนะนำ ORI, EKH

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้

  • ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.76%, S&P 500 -1.18%, NASDAQ -1.76%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Real Estate (+2.14%), Utilities (+0.86%), Materials (+0.72%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Communication services (-2.58%), IT (-2.17%), Consumer discretionary (-1.56%) เป็นต้น
  • ในประเทศ: SET Index -30.48 จุด หรือ -2.17% ปิดที่ 1,371.22 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ BTS (+0.68%), BCP (+0.63%), TASCO (+0.55%) เป็นต้น ส่วนที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ DELTA (-10.53%), TQM (-9.38%), BYD (-8.11%), KCE (-7.55%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ประเมินตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,360 – 1,390 จุด เคลื่อนไหวออกด้านข้าง คาดตลาดยังคงถูกกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลดลง แต่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเริ่มปรับลดลงและตลาดหุ้นไทยปรับลดลงแรงเมื่อวาน อาจจะมีแรงรีบาวน์ได้บ้าง สงครามอิสราเอล-ฮามาส ล่าสุดกองทัพอิสราเอลส่งกำลังทาหารพร้อมรถถังบุกภาคพื้นดิน เข้าสู่ตอนเหนือของฉนวนกาซา รวมถึงตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด อาจจะส่งผลให้เฟดต้องคงอัตราดอกเบี้ยที่สูงไว้นานขึ้น จับตาตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ที่จะประกาศวันนี้ และผลการประชุมเฟดวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย. นี้

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2566 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 4.9% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.7% ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค, การเพิ่มขึ้นของสินค้าคงคลัง, การส่งออก, สินค้าคงคลังภาคเอกชน และการใช้จ่ายของรัฐบาล หลังจากมีการขยายตัว 2.0% และ 2.1% ในไตรมาส 1 และ 2 ตามลำดับ
  2. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 210,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 207,000 ราย ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 1,250 ราย สู่ระดับ 207,500 ราย
  3. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามการคาดการณ์ของตลาด โดยเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.ค.2565 ก่อนหน้านี้ ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 10 ครั้งติดต่อกันรวม 4.5% การคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 4.00% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 4.75% ส่วนอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 4.50%
  4. นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดแถลงข่าวด่วนหลังจากดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ดิ่งหนักไปถึง 30 จุด หรือ 2.17% ว่าไม่ได้พบความผิดปกติในการซื้อขาย ส่วนการทำ  Short Sell หุ้น หรือ Prop Trade ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงมามากเมื่อวานนี้ และยังไม่พบความผิดปกติ โดยอัตราส่วนการ Short Sell อยู่ที่ 11.34% ไม่แตกต่างจากระดับปกติที่ไม่เกิน 12% ส่วน Prop Trade อยู่ที่ 36% อยู่ในช่วงปกติ 30-38%

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,390 – 1,425 จุด แม้ sentiment หุ้นไทยยังคงเปราะบางจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวสูงขึ้น และสงครามยังมีความไม่แน่นอน แต่คาดจะเห็นการฟื้นตัวในสัปดาห์นี้หลังการรายงานตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย. ดีกว่าคาด และจีนกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ทั้งนี้ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่ 1.) การประกาศกำไร 3Q23 ของบริษัทจดทะเบียน; 2.) ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศ; 3.) ราคาน้ำมันดิบจากความเสี่ยงที่สงครามอิสราเอล-ฮามาสจะขยายวงในตะวันออกกลาง; และ 4.) ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 ของสหรัฐฯ และดัชนี PCE/Core PCE Indice ของสหรัฐฯ เดือนก.ย.

หุ้นแนะนำวันนี้

  • Top pick: ORI (ราคาพื้นฐาน 15.1 บาท) ซื้อเก็งกำไรผลประกอบการในกลุ่ม Value stock ที่ยังมีการจ่ายเงินปันผลที่ดีราว 7-8% โดยคาดว่ายอดขายของบริษัทจะทำสถิติสูงสุดในไตรมาส 3/2566 ที่ 1.24 หมื่นลบ. และยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 ของ ORI ที่เติบโต 25.6% YoY เป็น 3.69 หมื่นลบ.ยังคิดเป็น 82% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี
  • Top pick: EKH (ราคาพื้นฐาน 9.1 บาท) ซื้อเก็งกำไรผลประกอบการในกลุ่ม Defensive คาดกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาส 3/2566 ที่ 78 ลบ. เพิ่มขึ้น 10% QoQ และ 2% YoY จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากการเจ็บป่วยด้วยโรคทั่วไปในช่วงไฮซีซัน และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากผู้ป่วย IVF ชาวจีน รวมถึงการดูแลแบบประคับประคองที่รพ. คูน

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลของสหรัฐฯ (Personal Consumption Expenditure Price Index) เดือน ก.ย. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นที่ 0.3% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.1% MoM และตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค University of Michigan ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 63 จุดเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 68.1 จุด
- Advertisement -