บล.บัวหลวง:
Agro & Food – น้ำตาล: ราคาน้ำตาลในประเทศปรับเพิ่มขึ้นอีก 4 บาท/กก. (NEUTRAL)
ถ้าหากราคาน้ำตาลในประเทศปรับเพิ่มขึ้นอีก 4 บาท/กก. เรามองว่าจะเป็นปัจจัยหนุนกำไรสุทธิของผู้ประกอบการน้ำตาลของไทย (ในแง่ของยอดขายน้ำตาลในประเทศและอัตรากำไรที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น) และเนื่องจากแนวโน้มของราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ยังคงเป็นขาขึ้นจนถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากภาวะดุลน้ำตาลโลกที่แนวโน้มแสดงเป็นขาดดุลเพิ่มขึ้นสำหรับใน ปี 2566/67 เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” สำหรับหุ้น KSL
ราคาน้ำตาลในประเทศมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอีก 4 บาท/กก. มีผลตั้งแต่เดือนต.ค.
สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้มีมติปรับราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานเพิ่มขึ้นอีก 4 บาท/กก. ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนต.ค. 66 เป็นต้นไป โดยราคาน้ำตาลทรายขาวธรรมดาปรับเพิ่มขึ้นไปเป็น 23 บาท/กก. (จากเดิม 19 บาท/กก.) และราคาน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ปรับเพิ่มขึ้นไปเป็น 24 บาท/กก. (จากเดิม 20 บาท/กก.) ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำตาลทรายขายปลีกมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจาก 24-25 บาท/กก. ไปเป็น 28-29 บาท/กก. ราคาน้ำตาลที่ปรับเพิ่มขึ้นอีก 4 บาท/กก. จะเกี่ยวข้องกับ 1) ต้นทุนการผลิตน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นอีก 2 บาท/กก. (จากต้นทุนค่าอ้อยของไทยที่ปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง) และ 2) เงินอุดหนุนที่เข้ากองทุนอ้อยและ น้ำตาลทรายอีก 2 บาท/กก. สำหรับซาวไร่อ้อย สอน.ได้คาดการณ์ผลผลิตอ้อยของทั้งประเทศไทยที่ 75-80 ล้านตันสำหรับในฤดูกาลปี 2566/67 หรือ คิดเป็นลดลง 15-20% YoY จาก 93.88 ล้านตันในปี 2565/66 เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้ง ซึ่งได้รับผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญ่ ให้ตั้งข้อสังเกตว่าราคาน้ำตาลในประเทศ ณ ปัจจุบันถือว่าต่ำกว่าราคาน้ำตาลในตลาดโลก ซึ่งคำนวณกลับมาได้เท่ากับ 27 บาท/กก.
กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่าไม่ได้คัดค้านมติของสอน. ที่จะทำการปรับราคาน้ำตาลในประเทศเพิ่มขึ้น แต่การปรับราคาน้ำตาลในประเทศเพิ่มขึ้นทันทีอีก 4 บาท/กก. จะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสินค้าที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์จึงแนะให้ทำการทยอยปรับขึ้นราคาน้ำตาลในประเทศแทนการปรับราคาเพิ่มขึ้นแบบรวดเดียวทันที ทั้งนี้สอน. ต้องนำเสนอแผนการปรับราคาน้ำตาลในประเทศให้กับกระทรวง อุตสาหกรรมเพื่อขออนุมัติ และจะต้องขอความเห็นจากกระทรวงพาณิชย์ก่อนที่จะมีผลใช้บังคับ
ราคาน้ำตาลในประเทศที่เพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อผู้ผลิตน้ำตาลของไทย
เรามองว่ามติของสอน. ที่จะปรับราคาน้ำตาลในประเทศเพิ่มขึ้นถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อผู้ประกอบการน้ำตาลของไทยทุกรายที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แก่ KSL BRR KBS และ KTIS สำหรับ KSL ซึ่งเป็นเพียงผู้ประกอบการน้ำตาลรายเดียวที่เราให้คำแนะนำ ราคาขายน้ำตาลในประเทศของ KSL เฉลี่ยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 19.18 บาท/กก. และวอลุ่มขายน้ำตาลสำหรับการขายเฉพาะในประเทศในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 1.36 แสนตัน (โดยวอลุ่มขายน้ำตาลในประเทศของ KSL คิดเป็น 20% ของวอลุ่มขายน้ำตาลสำหรับประเทศไทย และที่เหลือเป็นวอลุ่มส่งออก) และเนื่องจากปกติแล้วบริษัทจะทำการเซ็นสัญญาซื้อขายกับลูกค้าเพื่อส่งมอบเป็นระยะสามถึงหกเดือนข้างหน้า เราจึงคาดว่าราคาน้ำตาลใหม่มีแนวโน้มที่ส่งผลกระทบอย่างมีสาระสำคัญต่องบกำไรขาดทุนในช่วงปลายไตรมาส 1/67 หรือตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/67 เป็นต้นไป ภายใต้สมมติฐานว่าราคาขายน้ำตาลในประเทศของ KSL เฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นไปเป็น 23 บาท/กก. สำหรับในปี 2567 (จากสมมติฐาน ณ ปัจจุบันของเราที่ 18 บาท/กก.) เราประเมินว่ามีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ของเราคิดเป็น 5.3%
ราคาน้ำตาลโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 12 ปีเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2566
ราคาน้ำตาลโลกยังคงขยับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และขึ้นไปทำสถิติสูงสุดในรอบ 12 ปีที่ 27.63 เซนต์/ปอนด์ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2566 (เทียบกับ 27.93 เซนต์/ปอนด์เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2554) หลังจากที่รัฐบาลอินเดียได้ประกาศว่าจะทำการขยายระยะเวลาการจำกัดการส่งออกน้ำตาลออกไปอีกนับจากวันที่ 31 ต.ค. 2566 เรามองว่าการควบคุมหรือจำกัดการส่งออกน้ำตาลของรัฐบาลอินเดียมีแนวโน้มลากยาวออกไปในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งจะเป็นช่วงระยะเวลาที่ผลผลิตน้ำตาลของประเทศอินเดียเริ่มที่จะเห็นชัดเจนมากขึ้น ซึ่งถ้าหากผลผลิตน้ำตาลของประเทศอินเดียสำหรับในปี 2566/67 ออกมาอยู่ที่ 30 ล้านตัน รัฐบาลอินเดียก็อาจจะอนุญาตให้มีการส่งออกน้ำตาลได้เพียงแค่ 1 ล้านตัน (ซึ่งถือว่าต่ำกว่าวอลุ่มส่งออกของประเทศอินเดียในปี 2565/66 ซึ่งอยู่ที่ 6.5 ล้านตันอย่างมาก)