บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)
PTT Oil & Retail Business (OR) การฟื้นตัวของราคาหุ้นยังถูกจำกัดจากนโยบายรัฐ
Action TRADING (Downgrade)
- TP upside (downside) +9.2%
- Close Oct 27, 2023 Price (THB) 18.40
- 12M Target (THB) 20.10
- Previous Target (THB) 25.00
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 3Q66 ที่ 3,780 ล้านบาท เติบโตเด่น YoY และ QoQ หลังได้แรงหนุนจากปริมาณขายน้ำมันรวมที่ระดับ 6,760 ล้านลิตร และค่าการตลาดน้ำมันรวมที่คาดฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับ 1.16 บาท/ลิตร
- เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 4Q66 ที่ระดับ 2,000-2,500 ล้านบาท พลิกเป็นกำไร YoY จากค่าการตลาดน้ำมันรวมที่มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในประเทศเหมือน 4Q65 ขณะที่ QoQ คาดกำไรปกติลดลงจากค่าการตลาดที่มีแนวโน้มลดลงและค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้น
Our view
- ปรับ PER ที่ใช้ประเมินค่าลงจากเดิม 26.3 เท่า เป็น 20.1 เท่า และปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ส่งผลให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 20.10 บาท/หุ้น
- แม้กำไรปกติ 3Q66 มีแนวโน้มเติบโต YoY และ QoQ แต่คาดการฟื้นตัวของราคาหุ้นในระยะสั้น-กลางจะยังถูกจำกัดจากมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลและมาตรการปรับลดค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน รวมถึงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาล จึงปรับคำแนะนำจาก “ซื้อ” ลงเป็น “TRADING”
คาดกำไรปกติ 3Q66 เติบโต YoY และ QoQ
คาดกำไรปกติ 3Q66 ที่ 3,780 ล้านบาท เติบโตสูง +391% YoY แม้คาคค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้นราว +6% YoY เพราะได้แรงหนุนจาก 1) คาดปริมาณขายน้ำมันรวมในช่วง 3Q66 ที่ 6,760 ล้านลิตร (-2% QoQ, +8% Yor) ฟื้นตัว YoY ตามกิจกรรมเศรษฐกิจและการเดินทางในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และ 2) คาดค่าการตลาดน้ำมันรวมในช่วง 3Q66 ขยายตัวกลับมาสู่ระดับ 1.16 บาท/ลิตร (+21% QoQ, +71% YoY) จากการที่กบง. มีมติให้ปรับค่าการตลาดน้ำมันกลับสู่ระดับปกติ และการบันทึกรายการ Stock Gain หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วง 3Q66 ขณะที่ QoQ คาดกำไรปกติสามารถเติบโตเด่น +48% QoQ ได้แม้เป็นช่วง Low Season ของธุรกิจ โดยมีสาเหตุหลักมาจากค่าการตลาดน้ำมันรวมที่ฟื้นตัวเด่น หากกำไรปกติ 3Q66 ออกมาใกล้เคียงคาด กำไรปกติ 9M66 จะคิดเป็นสัดส่วน 82% ของกำไรทั้งปี
กำไร 4Q66 มีแนวโน้มพลิกเป็นกำไร YoY แต่ลดลง QoQ
เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 4Q66 ที่ระดับ 2,000-2,500 ล้านบาท พลิกเป็นกำไร YoY จากค่าการตลาดน้ำมันรวมที่มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับ 0.90-1.00 บาท/ลิตร จากระดับ 0.48 บาท/ลิตร ในช่วง 4Q65 เนื่องจากคาดบริษัทฯ ไม่มีการนำเข้าน้ำมันดีเซลจากต่างประเทศมาขายในสัดส่วนสูงเหมือนปีก่อน เพราะ 1) การที่ไม่มีการปิดซ่อมโรงกลั่นน้ำมันในประเทศ ส่งผลให้อุปทานน้ำมันในประเทศไม่ตึงตัว และ 2) คาดอุปสงค์น้ำมันในช่วงที่เหลือของปีจะไม่ฟื้นตัวเร็วกว่าที่บริษัทประเมินไว้ หลังมีโอกาสน้อยที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะฟื้นตัวเร็วกว่าคาดการณ์ของบริษัทฯ (ผลจากเหตุกราดยิงในพารากอนและความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก) ทำให้บริษัทฯ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อน้ำมันเพิ่มเติมจากต่างประเทศ ขณะที่ QoQ คาดกำไรปกติลดลงแม้เป็นช่วง High Season เนื่องจาก 1) คาดไม่มีการบันทึกรายการ Stock Gain ที่สูงเหมือนใน 3Q66 ทำให้ค่าการตลาดมีแนวโน้มลดลง QoQ และ 2) คาดค่าใช้จ่าย SG&A มีแนวโน้มเติบโต QoQ จากการขยายสาขาของสถานีบริการน้ำมันและร้าน Cafe Amazon
ระยะสั้น-กลางยังมีโอกาสถูกกดดันจากมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐบาล
เราปรับ PER ที่ใช้ประเมินมูลค่าหุ้นลงจากเดิม 26.3 เท่า ลงเป็น 20.1 เท่า (ค่าเฉลี่ย PER ของกลุ่มสถานีบริการน้ำมัน ร้านค้าปลีก และร้านกาแฟ ทั้งในและต่างประเทศ) และปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ทำให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 20.10 บาท/หุ้น มี Upside เพียง +9.2% แม้กำไรปกติ 3Q66 มีโอกาสเติบโตสูงทั้ง YoY และ QoQ แต่เรามองว่าการฟื้นตัวของราคาหุ้นในระยะสั้น-กลาง จะยังถูกจำกัดจากมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐบาล เช่น การตรึงราคาน้ำมันดีเซลและการปรับลดค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน (ส่งผลกระทบต่อค่าการตลาดน้ำมันรวมของบริษัทฯ) รวมถึงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ (คาดมีความชัดเจนในช่วง 1Q67) จึงปรับคำแนะนำจาก “ซื้อ” ลงเป็น “TRADING”