‘บมจ.เอสซีจี เดคคอร์’ หรือ SCGD รุกลงทุนสายการผลิต ‘SPC’ เตรียมบุกขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน ตอบรับดีมานด์เติบโต
บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD ลงทุน 138 ล้านบาท ผ่าน บมจ.เอสซีจี เซรามิกส์ หรือ COTTO ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ติดตั้งสายการผลิตสินค้า “กระเบื้องไวนิล SPC” กำลังการผลิต 1.8 ล้านตารางเมตรต่อปี ที่โรงงานหินกอง สระบุรี เตรียมบุกขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนรองรับดีมานด์ที่กำลังเติบโต คาดแล้วเสร็จกลางปี 2567 ชูจุดเด่นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต มีความเป็นมิตรต่อสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม และเป็นวัสดุปูพื้นไวนิล รายแรกที่ได้รับรางวัลจากสมาคมสถาปนิกสยามฯ
นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD เปิดเผยว่า จากการวางกลยุทธ์ขยายตลาดผลิตภัณฑ์กระเบื้องไวนิล Stone Plastic Composite (SPC) จากประเทศไทยสู่ภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มธุรกิจตกแต่งพื้นผิวที่มีศักยภาพเติบโตสูง สอดรับกับเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ล่าสุด SCGD ลงทุนติดตั้งสายการผลิตสินค้ากระเบื้องไวนิล SPC ภายในโรงงานหินกอง จังหวัดสระบุรี มีกำลังการผลิต 1.8 ล้านตารางเมตรต่อปี โดยเป็นการลงทุนผ่าน บมจ.เอสซีจี เซรามิกส์ หรือ COTTO ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ใช้งบลงทุน 138 ล้านบาท และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จกลางปี 2567
ตลาดกระเบื้องไวนิล SPC มีการเติบโตที่ดีทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Euromonitor มูลค่าตลาดของสินค้าประเภทนี้ในประเทศไทย ในปี 2565 มีมูลค่ารวมกว่า 3,900 ล้านบาท (ประมาณ 122.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และถูกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4,300 ล้านบาท (ประมาณ 135.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ในปี 2569 เนื่องจากเป็นวัสดุทางเลือกใหม่ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ตลอดจนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ทำให้มีความต้องการใช้สินค้าเพื่อการปรับปรุงอาคารในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มขึ้นด้วย
ขณะที่ตลาดในภูมิภาคอาเซียน ผลิตภัณฑ์กระเบื้องไวนิล SPC มีแนวโน้มเติบโตได้ดีเช่นกัน ทั้งจากโครงการที่อยู่อาศัย และโครงการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยว โดยในปี 2565 สินค้ากลุ่มดังกล่าวมีมูลค่าตลาดรวมในประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียกว่า 3,800 ล้านบาท (ประมาณ 119.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และถูกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 5,500 ล้านบาท (ประมาณ 172.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ในปี 2569 โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 9.6 ต่อปี จึงเป็นโอกาสของบริษัทฯ ที่จะขยายธุรกิจเพื่อเจาะตลาดทั้ง 3 ประเทศต่อไป
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGD กล่าวว่า นอกเหนือจากกระเบื้องเซรามิกและสุขภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นสินค้าหลัก บริษัทฯ ยังมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทกระเบื้องไวนิล SPC และ LVT ซึ่งเป็นนวัตกรรมวัสดุปูพื้นและตกแต่งผนัง แบบ Smart Flexible ภายใต้แบรนด์ LT by COTTO ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ด้วยคุณสมบัติเด่น คือ เป็นวัสดุปูพื้นและตกแต่งผนังทางเลือกใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีนำสมัยในการผลิต การออกแบบและพิมพ์ลวดลายเสมือนจริง เป็นลายหินอ่อนและลายไม้ธรรมชาติ ป้องกันน้ำ 100% ป้องกันปลวก ป้องกันการลามไฟ ง่ายต่อการดูแลรักษา ติดตั้งง่าย สะดวกรวดเร็ว สอดรับกับเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต การันตีด้วยการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมระดับ World-Class และภายใต้การรับรองจากฉลากสิ่งแวดล้อม SCG Green Choice มีความปลอดภัย เป็นมิตรทั้งต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ทั้งยังเป็นวัสดุปูพื้นและตกแต่งผนัง ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับอาคารเขียว ตามมาตรฐาน LEED หรือ TREES และ อาคารเพื่อการมีสุขภาวะที่ดีตามมาตรฐาน WELL อีกด้วย
ล่าสุด เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 วัสดุตกแต่งพื้นผิว Soft + Floor Collection ของ LT by COTTO ยังได้รับเลือกเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่สถาปนิกแนะนำ รวมถึงได้รับรางวัล “ASA Platform Selected Materials 2023” ประเภท Healthcare and Hygiene Materials จาก สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยเป็นวัสดุปูพื้นไวนิลรายแรกที่ได้รับรางวัลนี้
“วัสดุปูพื้นและตกแต่งผนัง แบบ Smart Flexible จะเป็นหนึ่งในสินค้าเรือธงที่ขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจตกแต่งพื้นผิวในภูมิภาคอาเซียนหลังจากที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากการขายและทำตลาดในประเทศไทย และด้วยคุณสมบัติอเนกประสงค์ ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย รวมถึงชื่อเสียงของแบรนด์ COTTO ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก จึงมั่นใจว่าจะสร้างยอดขายที่ดีได้อย่างแน่นอน” นายนำพล กล่าว