KS Daily View 31.10.2023 >>> ราคาน้ำมันดิบลดลง Thai 10Y Bond yield ที่อ่อนตัวหนุน คาด SET แกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,380-1,400 จุด หุ้นแนะนำ ADVANC, GULF
สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้
ต่างประเทศ : ดัชนี DJIA +1.58%, S&P 500 +1.20%, NASDAQ +1.09%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Communication services (+2.06%), Consumer staples (+1.55%), Financials (+1.71%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Energy (+0.31%) เป็นต้น
ในประเทศ: SET Index +7.62 จุด หรือ +0.55% ปิดที่ 1,395.85 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ DELTA (+6.56%), DOHOME (+3.67%), HMPRO (+3.45%), LH (+3.40%) เป็นต้น ส่วนที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ BYD (-12.00%), EA (-7.22%), NEX (-5.79%), GUNKUL (-5.69%) เป็นต้น
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,380 – 1,400 จุด ในวันนี้จากการบุกภาคพื้นดินของอิสราเอลที่จำกัดวง และรุนแรงน้อยกว่าที่ตลาดประเมินก่อนหน้า ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง -2.8% เป็น US$87.89/bbl ขณะที่แม้ US10Y bond yield จะปรับตัวขึ้น 4bps. เมื่อคืนแต่พลิกกลับมาอ่อนตัวลงเช้านี้หลังสื่อญี่ปุ่นรายงานข่าวว่าทาง BOJ อาจมีการขยายกรอบ YCC มากกว่าเพดานที่ 1% นอกจากนี้พบว่า Thai 10Y Bond yield ล่าสุดอ่อนตัว -5.76bps. DoD มาที่ 3.25% จากกระแสข่าวที่ทางรัฐบาลจะมีการปรับลดงบโครงการดิจิตอลวอลเล็ต/เงินลงทุนต่างประเทศไหลเข้า
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) ติดตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีทั้งของสหรัฐฯ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่
1.1.) ผลการประชุม BOJ วันนี้ ซึ่งทาง BOJ อาจมีการขยายกรอบ YCC มากกว่าเพดานที่ 1% ตามรายงานข่าวของ Nikkei เพื่อลดแรงกดดันต่อการอ่อนค่าของเงินเยน (ล่าสุดค่าเงินเยนแข็งค่า 0.4% มาที่ 149 เยนต่อ USD) นอกจากนี้เราประเมินว่าการขยายเพดานมาตรการ YCC จะช่วยลดแรงขายพันธบัตรสหรัฐฯ ของ BOJ ด้วย
1.2.) คืนวันพุธจะมีการเปิดเผยแผนออกพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐฯ รายไตรมาส โดยตลาดคาดว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะปรับเพิ่มขึ้นการออกพันธบัตรระยะยาวอายุมากกว่า 2 ปีเป็น US$114bn เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ US$103bn ในรอบเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา
1.3.) การประชุม FOMC ในคืนวันพุธ ซึ่งตลาดยังคงมุมมองว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยในรอบนี้
1.4.) การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ซึ่งตลาดคาดว่าจะอ่อนตัว MoM
2.) ประชาชาติธุรกิจ ระบุว่า ศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 30 ต.ค. มีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น สั่งรับคำฟ้องมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคต่อ กสทช. ขอให้เพิกถอนการควบรวมกิจการระหว่าง DTAC และ TRUEE รวมทั้งประกาศ และนิติกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 20 ต.ค. 2565 นวค. KS ยอมรับว่าการพิจารณาคดีที่ไม่คาดคิดของ ศาลปกครองสูงสุด ย่อมทำให้เกิดความกังวลของตลาดเกี่ยวกับความชอบธรรมของข้อตกลงการควบรวมกิจการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในเชิงกลยุทธ์เราแนะนำให้ switch จาก TRUE เข้า ADVANC
3.) วันนี้ติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ย. โดยตัวเลขสำคัญคือดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะเกินดุล 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อในระยะสั้น ขณะเดียวกันแนะจับตาประชุม ครม. เช้านี้ โดยคาดตลาดจะให้ความสนใจกับนโยบายดิจิตอลวอลเล็ต ซึ่งล่าสุดสำนักข่าวเดลินิวส์รายงานว่าจะให้สิทธิ 40 ล้านคน ทำให้ใช้งบไม่ถึง 5 แสนล้าน ลบ. และอาจเลื่อนไปเป็น ก.ย. 67
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,355 – 1,425 จุด ในสัปดาห์นี้ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1.) ผลการประชุม BOJ วันนี้ ซึ่งทาง BOJ อาจมีการขยายกรอบ YCC มากกว่าเพดานที่ 1% 2.) ผลการประชุมเฟด (คืนวันที่ 1 พ.ย.) ว่าจะเป็น การคงดอกเบี้ยต่อ หรือ ปรับขึ้น 25bps. 3.) ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และค่าเงิน USD ซึ่งจะเป็นตัวสะท้อนทิศทาง Fund flow 4.) ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศ ซึ่งมีโอกาสที่จะลดลงหากรัฐบาลปรับลดวงเงินโครงการดิจิตอลวอลเล็ต ทำให้อุปทานพันธบัตรในอนาคตลดลง 5.) สถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาส 6.) ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญได้แก่ การจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือน ต.ค ของสหรัฐฯ 6 และ 7.) การประกาศกำไร 3Q23 ของบริษัทจดทะเบียน (INTUCH, GLOBAL, HMPRO, THCOM, FTREIT)
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- ADVANC (ราคาพื้นฐาน 240.57 บาท) กำไรปกติ 3Q66 อยู่ที่ 7.59 พันลบ. (+22% YoY และ +5.2% QoQ) ดีกว่าที่เราคาดไว้ 6.6% กำไรปกติ 9M66 เท่ากับ 79.2% ของประมาณการกำไรทั้งปีนี้ของเรา กำไรไตรมาส 3/66 ที่แข็งแกร่งและช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 4 คาดจะช่วยรักษาโมเมนตัมยอดขายและชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อ 700MHz และ TTTBB
- GULF (ราคาพื้นฐาน 50.0 บาท) มองกลุ่มโรงไฟฟ้าจะฟื้นตัวหลัง Bond yield มีแนวโน้มปรับลดลง ขณะที่คาด GULF จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 3.05 พันลบ. เติบโต 181%YoY จากกำลังการผลิตที่สูงขึ้น, +6%QoQ จากส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโครงการ Jackson และคาดว่ากำไรจะแข็งแกร่งในช่วงไตรมาส 4/66-ปี 2568 เนื่องจาก GULF กำลังขยายกำลังการผลิตอย่างรวดเร็วจาก 5.0GW ในปี 2565 เป็น 9.4GW ในปี 2568 นอกจากนี้มองว่างบ INTUCH จะออกมาดีตาม ADVANC และเป็นบวกกับ GULF ที่ถือหุ้น INTUCH อยู่ 41.91%
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันอังคารติดตามประกาศตัวเลขอัตราการว่างงานของญี่ปุ่นสำหรับเดือน ก.ย. ตลาดคาดจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือยก่อนหน้าที่ 2.7% และติดตามการประชุมธนาคารกลางของญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งตลาดมองว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.1% รวมถึงมาตรการทางการเงินอื่นๆ ต่อด้วยมีกำหนดประกาศตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของจีนสำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 50.5 จุด เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 50.3 จุด ตอนบ่ายติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเบื้องต้นของยุโรป (Consumer Price Index – CPI)สำหรับเดือนต.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้นที่ 3.1% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.3% YoY และช่วงข้ามคืนติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ (CB consumer confidence) สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 100 จุดลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 103 จุด
- วันพุธติดตามตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ (ADP) เดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 65k เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 89k และตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯสำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดทรงตัวเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 49 จุด ต่อด้วยตัวเลขงานเปิดใหม่ของสหรัฐฯ (JOLTS Job openings) เดือน ก.ย. ตลาดคาดที่ 9.2 ล้าน
ตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 9.61 ล้านตำแหน่ง ปิดท้ายช่วงข้ามคืนรอติดตามผลการประชมุ FOMC ตลาดคาด Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.50% - วันพฤหัสบดีติดตาม ตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของยุโรปสำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 43.0 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 43.4 จุด ต่อด้วยติดตามผลการประชุมธนาคารกลางของอังกฤษ (BOE) ตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.25%
- วันศุกร์ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (nonfarm payrolls) สำหรับเดือน ต.ค.ตลาดคาดที่ 143k ตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 263k ตำแหน่ง และตัวเลขค่าจ้างแรงงานของสหรัฐฯ (Average hourly earnings) สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดเพิ่มขนึ้ 4.2% YoY ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และปิดท้ายด้วยตัวเลขดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯสำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 53.6 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 53.7 จุด