บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

PTG Energy (PTG.BK/PTG TB)*

ประมาณการ 3Q66F: ได้รับผลกระทบจากฤดูฝน

Event

ประมาณการ 3Q66F, ปรับลดประมาณการกำไรเต็มปี และปรับลดราคาเป้าหมาย

Impact

คาดว่ากำไรจะลดลง 60% YoY และ 36% QoQ

เราคาดว่ากำไรของ PTG ใน 3Q66F จะอยู่ที่ 71 ล้านบาทเท่านั้น (-60% YoY, -36% QoQ) โดยกำไรที่ลดลงอย่างมาก YoY จะเป็นเพราะคาดค่าการตลาดน้ำมันลดลง 17% YoY เหลือ 1.66 บาท/ลิตร จากผลกระทบของการที่รัฐบาลใหม่ลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลง 2 บาท/ลิตร เหลือ 29.94 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2566 ส่วนกำไรที่ลดลง QoQ จะเป็นเพราะคาดปริมาณยอดขายลดลง 7% QoQ เหลือ 1,430 ล้านลิตร เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาลใน 3Q66 ซึ่งเป็นช่วงหน้าฝน แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าค่าการตลาดน้ำมันของ PTG จะฟื้นตัวขึ้น 5% QoQ เป็น 1.66 บาท/ลิตร เนื่องจากกระทรวงพลังงานช่วยให้ผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันสามารถปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินได้เร็วขึ้น เพื่อให้ทันกับราคาน้ำมันดิบที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน ซึ่งจะส่งผลให้ค่าการตลาดน้ำมันเบนซินดีขึ้น ในขณะเดียวกันเราคาดว่ากำไรจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันจะดีขึ้นเล็กน้อยใน 3Q66F เนื่องจากปริมาณยอดขาย LPG เพิ่มขึ้นเป็น 160 ล้านลิตร (+4% QoQ), มีจำนวนร้านกาแฟพันธุ์ไทยเพิ่มขึ้นเป็น 756 ร้าน (+8% QoQ), และมีจำนวนร้าน Max Mart เพิ่มขึ้นเป็น 334 ร้าน (+3% QoQ) ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันคาดจะอยู่ที่ 19.0% ใกล้เคียงกับ 19.4% ใน 2Q66

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2566F/2567F ลง 17%/30%

เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2566F ลง 17% เหลือ 994 ล้านบาท และปี 2567F ลง 30% เหลือ 1.3 พันล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่าย SG&A สูงขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันลดลง โดยเราได้ปรับเพิ่มสมมติฐานค่าใช้จ่าย SG&A ในปีนี้ขึ้นอีก 2% เป็น 1.06 หมื่นล้านบาท และปีหน้าขึ้นอีก 3% เป็น 1.14 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 1.60 บาท/ลิตร และ 1.62 บาท/ลิตร ตามลำดับ สอดคล้องกับเป้าหมาย ล่าสุดของผู้บริหารที่ 1.60-1.70 บาท/ลิตร นอกจากนี้ เรายังปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันของ PTG ในปี 2566F ลงจากเดิม 21.0% เหลือ 20.0% และปี 2567F ลงจาก 21.0% เหลือ 19.5% หลังจากที่บริษัทรายงานอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันในงวด 1H66 อยู่ที่ 19.8%

Valuation & action

เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย 1H67F ที่ 10.40 บาท จากเดิมที่ 11.40 บาท อิงจาก PE ที่ลดลงเหลือ 15.0x
(เท่ากับ -1.0 S.D.) จากเดิมที่ 16.0x เพื่อสะท้อนถึง i) การปรับลดประมาณการกำไร และ ii) ภาวะที่เป็น
ลบหลังจากที่รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงในตลาดเสรีของสถานีบริการน้ำมัน ด้วยการกดราคาขายปลีกน้ำมัน
เพื่อลดค่าใช้จ่ายในภาคครัวเรือน เราเชื่อว่ากำไรที่ลดลงใน 3Q66F จะกดดันราคาหุ้น แม้ว่า PTG จะคาด
ว่าค่าการตลาดน้ำมันของบริษัทในเดือนตุลาคมจะดีขึ้นที่ระดับสูงกว่า 1.80 บาท/ลิตร เรายังคงคำแนะนำ ถือ PTG จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายพลังงานของไทย เพราะรัฐมนตรีพลังงานคนใหม่กำลังเร่งศึกษาและปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อคุมค่าการตลาดน้ำมันของน้ำมันทุกประเภทไม่ให้เกิน 2.00 บาท/ลิตร ก็ตาม

Risks

ความผันผวนของค่าการตลาดน้ำมัน, ปริมาณยอดขายน้ำมัน LPG และไบโอดีเซล, และยอดขายร้านสะดวกซื้อ Max Mart

- Advertisement -