บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Major Cineplex Group (MAJOR) คาด 3Q66 ไม่เด่น…ลุ้น 4Q66 ภาพยนตร์ทำเงินทะลุเป้า
Action BUY (Maintain)
- TP upside (downside) +33.2%
- Close Oct 30, 2023 Price (THB) 15.20
- 12M Target (THB) 20.25
- Previous Target (THB) 20.25
What’s new?
- เราคาดกำไรใน 3Q66 ที่ 91 ล้านบาท -51%QoQ, +11%YoY รายได้ภาพยนตร์ชะลอตัวตาม season และไม่มีหนังเด่นทำเงิน เทียบ YoY มีผลบวกการปรับปรุงรายการ Defer Tax
- คาดผลประกอบการ 4Q66 ฟื้นตัวเด่น YoY ภาพยนตร์สัปเหร่อ และธี่หยด กระแสดี ทำรายได้ดีเกินคาด มีภาพยนต์ไทยรอฉายกว่า 16 เรื่อง และภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่จากฝั่งฮอลีวู้ดรอฉายอีกหลายเรื่อง
Our view
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” เราคาดกำไรปี 2566 ยังฟื้นตัวเด่นจากฐานที่ต่ำในปีก่อน และคาดผลประกอบการเติบโตดีต่อเนื่องในปี 2567 ราคาหุ้นปรับลดลงมาเรามองเป็นจังหวะดีให้เข้าลงทุน
- เราคงมูลค่าพื้นฐานที่ 20.25 บาท โดยอิงวิธี DCF สมมติฐาน WACC ที่ 7.9% Terminal growth 1%
คาดกำไร 3Q66 ชะลอตัว QoQ เติบโต YOY
เราคาดกำไรปกติใน 3Q66 ที่ 91 ล้านบาท -51%QoQ, +11%YoY ผลประกอบชะลอตัว QoQ เนื่องจากทียบไตรมาสก่อนเป็น High season ของธุรกิจภาพยนตร์ ขณะที่เทียบ YoY มีปัจจัยสำคัญดังนี้ 1) รายได้จากการให้บริการปรับเพิ่ม 2%YoY เป็น 1,757 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จากจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์จะปรับลดลง 4%YoY เนื่องจากไม่มีภาพยนตร์ที่ทำเงินเกิน 100 ล้านบาท เทียบปีก่อนที่มีหลายเรื่อง อาทิ บุพเพลันนิวาส 2 Thor: Love and Thunder และOne Piece ส่วนรายได้จากการขายอาหารปรับลดลง 2%YoY ตามธุรกิจภาพยนตร์ แต่พบว่ารายได้โฆษณาฟื้นตัวเด่น 50%YoY จากการกลับมาใช้งบผ่านสื่อโรงภาพยนตร์มากขึ้น 2) ประสิทธิภาพในการทำกำไรลดลง YoY จากรายได้ขายลิขสิทธ์ที่มีมาร์จิ้นสูงมีสัดส่วนรายได้ลดลง และมีส่วนลดค่าเข่าที่ลดลง เทียบปีก่อนได้รับส่วนลดเนื่องจากสถานการณ์ COVID-193) มีการบวกกลับรายการทางภาษี defer tax ที่ปรับปรุงย้อนหลังราว 100 ล้านบาท
4Q66 คาดฟื้นเด่น ภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่รอฉาย – ภาพยนตร์ไทยรายได้ทะลุเป้า
คาดผลประกอบการใน 4Q66 จะเติบโตเด่น YoY เนื่องจากยังมีภาพยนตร์ฮอลิวูดฟอร์มใหญ่รอฉายอีกหลายเรื่อง อาทิ Aquaman2 , The Marvels ขณะที่มีภาพยนตร์ไทยที่รอฉายกว่า 16 เรื่อง ซึ่งเรื่องที่กำลังฉายกระแสดีและทำรายได้ดีเกินคาด ได้แก่ สัปเหร่อ เข้าฉาย 25 วันทำเงินได้ 700 ล้านบาท , ธี่หยด เข้าฉายได้ 4 วันทำรายได้ 200 ล้านบาท และเรื่องที่คาดทำเงินได้ดีและรอฉาย 4King ภาค 2 (ภาคแรกในปี 2564 แม้มีสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 ยังทำรายได้ 170 ล้านบาท) ส่วนธุรกิจขายอาหารและป๊อปคอร์น คาดเติบโตดีตามรายได้ภาพยนตร์ เมื่อคนกลับมาดูมากขึ้น และรับผลบวกจากการกลับเข้าไปขายใน 7-Eleven ส่วนรายได้จากโฆษณาคาดพื้นตัวดีจากฐานที่ต่ำปีก่อน เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ที่ 766 ล้านบาท +198%YoY ตามการฟื้นตัวของธุรกิจภาพยนตร์
คงคำแนะนำ “ซื้อ”
เรามองว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวโดดเด่นในปี 2566 จากฐานที่ต่ำ ขณะที่ปี 2567 ยังเติบโตต่อเนื่องตาม อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ เริ่มเห็น synergy จากการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการขยายธุรกิจ อาทิ การจับมือกับ TKN ผลิตป๊อปคอร์น และเพิ่มช่องทางการขายมากขึ้น นอกจากนี้ยังร่วมกับ BEC และ Workpoint ในการสร้างภาพยนตร์ เป็นต้น เราคงมูลค่าพื้นฐานที่ 20.25 บาท โดยอิงวิธี DCF สมมติฐาน WACC ที่ 7.9% Terminal growth 1% ซึ่งยังมี Upside 33.2% จากราคาปัจจุบัน และคาดผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจ บริษัทประกาศจ่ายปันผลงวด 1H66 ไปแล้ว 0.50 บาทต่อหุ้น ขณะที่ 2H66 เราคาดที่ 0.49 บาท ทั้งปีคาด Yield ปันผลที่ 6.5% จากราคาปัจจุบัน