บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
PTG Energy (PTG) กำไร 3Q66 ไม่เด่น…รอการฟื้นตัวใน 4Q66
Action BUY (Maintain)
- TP upside (downside) +22.9%
- Close Oct 30, 2023 Price (THB) 8.30
- 12M Target (THB) 10.20
- Previous Target (THB) 13.20
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 3Q66 ที่ 36 ล้านบาท ลดลง YoY และ QoQ โดยมีสาเหตุหลักมาจากค่าการตลาดน้ำมันรวมที่ระดับ 1.65 บาท/ลิตร และปัจจัยฤดูกาลของธุรกิจสถานีบริการน้ำมันรวมถึงค่าใช้จ่าย SG&A ที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง
- ปรับกำไรปี 2566-67 ลงเป็น 855 ล้านบาท และ 1,353 ล้านบาท ตามลำดับ จากการปรับสมมติฐานค่าใช้จ่าย SG&A ขึ้น 2% เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายที่คาดทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
Our view
- เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 4Q66 ที่ระดับ 400 ล้านบาท +/- เติบโต YoY และ QoQ จากค่าการตลาดที่มีแนวโน้มฟื้นตัวและปัจจัยฤดูกาล
- ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 10.20 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะ 12 เดือนขึ้นไป
- คาดการฟื้นตัวของราคาหุ้นในระยะสั้น-กลาง อาจยังถูกจำกัดจากกำไร 3Q66 ที่อ่อนแอ และมาตรการควบคุมราคาน้ำมันของภาครัฐ เชิงกลยุทธ์นักลงทุนที่ออกหรือหลังสิ้นสุดมาตรการแทรกแซงราคาน้ำมัน
คาดกำไร 3Q66 ลดุลง YoY และ QoQ เป็นจุดต่ำสุดของปี
คาดกำไรปกติ 3Q66 ที่ 36 ล้านบาท (-67% QoQ, -80% YoY) ต่ำกว่าที่เราประเมินไว้ก่อนหน้าหลัง ค่าใช้จ่าย SG&A มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง โดยคาดกำไรปกติ 3Q66 ลดลง YoY แม้ปริมาณขายรวมเต็บโต 10% YoY โดยมีสาเหตุหลักมาจาก 1) คาดค่าการตลาดนำมันรวมที่ระดับ 1.65 บาท/ลิตร (+4% QoQ, -17% YoY) หลังถูกกดดันจากการปรับลดราคาน้ำมันดีเซลของภาครัฐในช่วงปลายเดือน ก.ย.2566 (ลดลงเป็น 30 บาท/ลิตร จากเดิม 32 บาท/ลิตร) และ 2) คาดค่าใช้จ่าย SG&A ที่ 2,739 ล้านบาท (+1% QoQ, +7% YoY) จากการขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมันและร้านกาแฟพันธุ์ไทย ขณะที่ QoQ คาดกำไรปกติลดลง แม้ค่าการตลาดน้ำมันเริ่มฟื้นตัว หลังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยฤดูกาลของสถานีบริการน้ำมัน และค่าใช้จ่าย SG&A ที่ทรงตัว QoQ (ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็น Fixed Cost) รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจ Palm Complex ที่ยังไม่พื้นตัว
ปรับกำไรปี 2566-67 ลงจากค่าใช้จ่าย SG&A ที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง
หากกำไรปกติ 3Q66 ออกมาใกล้เคียงคาด กำไรปกติ 9M66 จะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 43% ของประมาณการเดิม เราจึงปรับกำไรปี 2566-67 ลง 15% และ 11% เป็น 855 ล้านบาท (-8% YoY) และ 1,353 ล้านบาท (+58% YoY) จากการปรับสมมติฐานค่าใช้จ่าย SG&A ปี 2566-67 ขึ้น 2% เป็น 10,852 ล้านบาท และ 11,614 ล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายด้านการขายและการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูง (ผลจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง)
แนวโน้มกำไร 4Q66 ฟื้นตัวเด่น YoY และ QoQ
เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 4Q66 ที่ระดับ 400 ล้านบาท +/- ฟื้นตัว YoY และ QoQ รวมถึงเป็นจุดสูงสุดของปี หลังได้แรงหนุนจาก 1) คาดปริมาณขายน้ำมันรวมที่มีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาสที่ราว 1,550-1.580 ล้านลิตร จากการเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวของภาคเกษตรกรรม (ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลสูง) และการเข้าสู่ช่วง High Season ของการเดินทางในประเทศ 2) คาดค่าการตลาดมีแนวโน้มฟื้นตัวกลับไปอยู่ที่ระดับ 1.70-1.80 บาท/ลิตร หลังภาครัฐมีการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล (บริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น) และ 3) คาดค่าใช้จ่าย SG&A ปรับตัวลง QoQ หลังได้อานิสงส์จากมาตรการลดค่าไฟฟ้างวด ก.ย. – ธ.ค. ของรัฐบาล
ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 10.20 บาท/หุ้น … คงคำแนะนำ “ซื้อ”
ผลจากการปรับประมาณการลงและการปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 รวมถึงการปรับ PER ที่ใช้ประเมินมูลค่าลงเป็น 12.6 เท่า (ค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 5 ปี -1.5SD) ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 10.20 บาท/หุ้น มี Upside +22.9% คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะ 12 เดือนขึ้นไป อย่างไรก็ตามคาดการฟื้นตัวของราคาหุ้นในระยะสั้น-กลาง อาจยังถูกจำกัดจากแนวโน้มกำไร 3Q66 ที่อ่อนแอ มาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล และการควบคุมค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน รวมถึงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาล ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยอาจพิจารณาเข้าลงทุนหลังการประกาศงบ 3Q66 (คาดวันที่ 13 พ.ย.) หรือหลังสิ้นสุดมาตรการแทรกแซงราคาน้ำมัน