บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Gulf Energy Development (GULF) คาดกำไรปกติ 3Q66 เติบโต YoY และ QoQ
Action TRADING (Maintain)
- TP upside (downside) +9.8%
- Close Oct 30, 2023 Price (THB) 43.25
- 12M Target (THB) 47.50
- Previous Target (THB) 54.50
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 3Q66 ที่ 3,820 ล้านบาท เติบโต YoY จากการรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ที่ COD ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และเติบโต QoQ จากส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ที่เติบโตขึ้น และปัจจัยฤดูกาลของโครงการลมในประเทศ รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Jackson (พลิกจากส่วนแบ่งขาดทุนใน 2Q66)
- ปรับกำไรปี 2567 ขึ้นเป็น 17,292 ล้านบาท จากการรวมโครงการที่ได้รับคัดเลือกในการรับซื้อรอบ 5.2GW ที่ได้รับ PPA แล้ว ไว้ในประมาณการ
Our view
- เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 4Q66 ที่ระดับ 4,000 ล้านบาท +/- เติบโต YoY และ QoQ และทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาสได้จากการ COD โรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 2 และปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าลมในประเทศและโรงไฟฟ้า Jackson
- ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 47.50 บาท/หุ้น โดยคาดการฟื้นตัวในระยะกลางจะยังถูกจำกัดจาก Bond Yield ที่อยู่ในระดับสูง และความเสี่ยงเชิงนโยบาย คงคำแนะนำ “TRADING”
คาดกำไรปกติ 3Q66 เติบโต YoY และ QoQ
คาดกำไรปกติ 3Q66 ที่ 3,820 ล้านบาท (+7% QoQ, +76% YoY) เติบโต YoY จากฐานที่ต่ำในปีก่อน หลังได้แรงหนุนจากการรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ที่ COD ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (โรงไฟฟ้า GSRC หน่วย ที่ 4 และโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 1) และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson ในสหรัฐฯ หลังเข้าลงทุนใน 1Q66 รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ที่คาดเติบโตราว 31% YoY และส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลมในประเทศ (ภายใต้ GGC) ที่คาดสูงขึ้นราว 94% YoY หลังความเร็วลมสูงขึ้นมาก (มรสุมมีกำลังแรงกว่าปีปกติ) ขณะที่ QoQ คาดกำไรปกติสามารถเติบโตได้ โดยมีสาเหตุหลักมาจาก 1) ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ที่คาดเติบโตขึ้น 10% QoQ 2) ปัจจัยฤดูกาลของโครงการลมในประเทศ และ 3) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Jackson ราว 300 ล้านบาท พลิกจากส่วนแบ่งขาดทุน -178 ล้านบาทใน 2Q66 จากปัจจัยฤดูกาล (ฤดูร้อนในสหรัฐฯ) หากกำไรปกติ 3Q66 ออกมาใกล้เคียงคาด กำไรปกติ 9M66 จะคิดเป็นสัดส่วน 75% ของกำไรทั้งปี
ปรับกำไรปี 2567 ขึ้นเล็กน้อยจากการรวมโครงการใหม่ไว้ในประมาณการ
เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา GULF ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการเข้าลงนามในสัญญา PPA กับกฟผ. สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้รับคัดเลือกในการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบ 5.2GW ของ กกพ. (ทั้งรูปแบบติดตั้งบนพื้นดินและรูปแบบที่ติดตั้งร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน) จำนวน 12 โครงการ กำลังผลิตรวม 649MWe แบ่งออกเป็นโครงการที่มีกำหนด COD ในปี 2567 จำนวน 5 โครงการ (295MWe) และโครงการที่มีกำหนด COD ในปี 2568 จำนวน 7 โครงการ (354MWe) เราจึงมีการปรับกำไรปี 2567 ขึ้นราว 1% เป็น 17,292 ล้านบาท (+18% YoY) (บนสมมติฐานโครงการที่มีกำหนด COD ในปี 2567 จะทยอย COD ในช่วง 2H67)
กำไร 4Q66 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องและมีโอกาสทำ New High
เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 4Q66 ที่ระดับ 4,000 ล้านบาท +/- เติบโต YoY และ QoQ รวมถึงทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาสได้ แม้ได้รับผลกระทบจากการปรับลดค่าไฟฟ้างวด ก.ย. – ธ.ค. 2566 ลงเป็น 3.99 บาท/หน่วย เนื่องจากคาดการเริ่มรับรู้รายได้จากการ COD โรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 2 ขนาด 662.5MW และส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Jackson ที่มีแนวโน้มเติบโต QoQ (ราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงทำให้อัตราการทำกำไรของโรงไฟฟ้า Jackson สูงขึ้น) รวมถึงปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศ จะสามารถชดเชยผลกระทบได้
ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 47.50 บาท…คงคำแนะนำ “TRADING”
เราปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 47.50 บาท/หุ้น (อิง DCF และรวมพรีเมียม 2% จาก Yuanta ESG Rating ระดับ AA แล้ว) มี Upside +9.8% ในช่วงสั้นคาดราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวได้จากแนวโน้มกำไรปกติ 3Q66 ที่สามารถเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ อย่างไรก็ตามคาดการฟื้นตัวในระยะกลางอาจยังถูกจำกัดจาก 1) Bond Yield ระยะ 10 ปี ของไทยและสหรัฐฯ ที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง 2) การลงนามในสัญญา PPA สำหรับโครงการลุมที่ได้รับคัดเลือกในรอบ 5.2GW ที่มีโอกาสล่าช้า (รอคำตัดสินจากศาลปกครองกลาง) และ 3) ความเสี่ยงจากนโยบายรัฐที่อาจมีการปรับโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้า จึงคงคำแนะนำ “TRADING”