รอดูทิศทางลม / 1,370-1,390

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET ผันผวนในกรอบ: ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวทางศกยูโรโซน หลังเผย GDP3Q66 ที่อ่อนแอ โดยหดตัวลง 0.1% q-q พลิกจากการขยายตัว 0.2%q-q ใน 2Q66 และขยายตัวเพียง 0.1%y-y ชะลอลงจากการขยายตัว0.5%y-y ใน 2Q66 ซึ่งได้บดบังเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง (ยูโรโซนเผย CPI เดือนต.ค.ที่ 2.9%y-y ต่ำกว่าตลาดคาด และชะลอลงจาก 3.1%y-y และ 4.3%y-y ตามลำดับ) กอปรกับ SET Index มีแนวโน้มถูกกดด้นจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลง 16% ปิดที่ $81.02 ต่อบาร์เรล เนื่องจาก 1) รอยเตอร์เผย กลุ่มโอเปกผลิตน้ำมัน 27.9 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 18 แสนบาร์เรล/วัน จากเดือนก.ย. และเพิ่มขึ้นติดต่อกันเดือนที่สาม 2) ETA เผยการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯในเดือนส.ค.ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 13.05 ล้านบาร์เรล/วัน และ 3) คลายกังวลสถานการณ์ตะวันออกกลาง หลังกองพลน้อยอัลกัสซัมของฮามาสเผยจะปล่อยตัวประกันชาวต่างชาติ นอกจากนี้ SET Index ยังมีแนวโน้มถูกกดดันจาก Fund Flow ที่ทางหลักยังไหลออก กอปรกับอาจมีแรงขายปิดความเสี่ยงก่อนทราบผลการประชุม FOMC ในวันพรุ่งนี้ โดยทางฝ่ายคาด FOMC มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% และยังไม่ส่งสัญญาณของการปรับลดดอกเบี้ยในร็ววันนี้ ขณะที่ฝั่งแรงหนุนมาจากการประชุมครม.วานนี้ หลังมีมติเห็นชอบ 1) ลดภาษีน้ำมันเบนซิน 1 บาท/ลิตร และให้กองทุนน้ำมันบริหารจัดการเพิ่มอีก 1.50 บาท ดึงราคาโชฮอล์ 91 ลงให้ได้ 2.50 บาท ตั้งเป้ามีผล 3 เดือน เริ่ม 7 พ.ย.นี้ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดค่าครองชีพและเป็นแรงหนุนต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และ 2) เปิดวีซ่าฟรีอินเดียและไต้หวัน โดยจะให้พำนักอยู่ไทยได้ 30 วัน เริ่มวันที่ 10 พ.ย.66 ถึงวันที่ 10 พ.ค.67 ซึ่งจะเป็นแรงหนุนต่อการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวต่อเนื่อง สอดรับกับธปท. ซึ่งเผยว่าศก.ไทยเดือนก.ย. อยู่ในทิศทางฟื้นตัวตามภาคการท่องเที่ยว รวมถึงส่งออกดีขึ้นและเงินเฟ้อลดลง
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) งบ 3Q66: AP, BCH, BH, GULF, OR 2) ท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง: AOT, BA, BJC, CENTEL, CPN, ERW, MAJOR 3) Selective play: CK, ITC และ 4) สะสมระยะยาวในหุ้น P/BV ต่ำ: BBL, BCPG, CPF, PSL, SPALI

ปัจจัยบวก

  • นายกฯและรมว.คลัง เผยว่าน้ำตาลคือหนึ่งในสารตั้งต้นของสินค้าบริโภคทั้งหลาย และตอนนี้ได้กลับมาเป็นสินค้าควบคุม เพื่อควบคุมสินค้าไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน
  • กองศก.การท่องเที่ยวและกีฬาเผยประเทศไทยมีจำนวนนทท.ต่างชาติสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.- 29 ต.ค. 66 จำนวน 22.06 ล้านคนสร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนกท.ต่างชาติแล้ว 9.28 แสนลบ. โดยสัปดาห์ที่ผ่านมานักท่องเกียวยโรปเพิ่มขึ้น 12.62% W-W
  • จินเผยกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ในภาคธุรกิจทางวัฒนธรรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องของจีน มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 9M66 โดยมีรายได้อยู่ที่ 9.16 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 7.7% y-y
  • วันนี้ติดตามการรายงานดัชนี PM ภาคการผลิตของจีนเดือนต.ค.จาก Caixin ตลาดคาด 50.8 เพิ่มขึ้นจาก 50.6 ในเดือนก.ย. ซึ่งจะเป็นการยืนเหนือ 50 เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

ปัจจัยลบ

  • สศอ.เผยดัชนี MPI เดือนก.ย. อยู่ที่ระดับ 91.6 (-6.06% y-y) และปรับประมาณการดัชนี MPI ปี 66 เป็นหดตัว 4-4.5% จากเดิมคาดหดตัว 2.8 – 3.8% ด้านการขยายตัวของศก.ภาคอุตสาหกรรมปี 66 คาดหดตัว 2.5-3% จากเดิมคาดว่าจะหดตัว 1.5 – 2.5% จากศก.โลกที่ยุ้งชะลอตัวค่าเงินมากที่อ่อนค่า และความขัดแย้งระหว่างประเทศยังยืดเยื้อ
  • ธปท.เผยจะมีการออกแก้ไขประกาศหลักเกณฑ์ กำหนดโมบายแบงก์กิ้งล่มได้ ไม่เกิน 8 ซม.ภายใน 1 ปี แต่หากลุ่มนานเกิน 8 ชม./ปี จะมีบทลงโทษปรับสูงสุด 5 แสนบาท/ครั้ง และหากไม่แก้ไขจะปรับเพิ่ม 5 พันบาท/วัน
  • CB เผยดัชนีความเชื่อมันของผู้บริโภคสหรัฐฯปรับตัวลง 102.6 ในเดือนต.ค.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน จากความกังวลเกียวกับเงินเฟ้อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และสถานการณ์ตะวันออกกลาง
  • แคนาดาห้ามใช้ WeChat บนอุปกรณ์ของรัฐบาล โดยมีผลทันที สอดรับกับบรรดารัฐบาลในตะวันตก ซึ่งต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย

PICKS OF THE DAY

ITC BUY

  • เป้าหมาย 20.00 / 20.50 แนวรับ 18.50
  • คาดงบ 3Q66 +q-q, y-y: คาด 3Q66 กำไรเติบโตได้ โดยคาดกำไรจากการขายไฟในประเทศจะทรงตัวได้จาก 2Q66 เนื่องจากราคาก๊าซที่ลดลงชดเชย ค่า Ft ที่ปรับลง อย่าง ไรก็ตาม คาดกำไรจะเติบโตได้ตาม ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม โดยเฉพาะจากโรงไฟฟ้า Jackson ที่กำไรน่าจะโตได้ตามราคาก๊าซ Henry Hub
  • P/BV ต่ำ เทียบค่าเฉลี่ย: เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย P/BV 5 ปี ย้อนหลังที่ 7.33x ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ P/BV 4.60x (-0.9 SD เทียบค่าเฉลี่ย 5 ปี) ทางฝ่ายมองว่าเป็นจังหวะที่น่าสะสม เนื่องจากราคาน่า จะสะท้อนปัจจัยลบและ Downside จำกัดแล้ว

BH BUY

  • เป้าหมาย 270.00 / 275.00 แนวรับ 252.00 / 255.00
  • คาด 3Q66 ทำจุดสูงสุดของปี: ทางฝ่ายคาดกำไร 3Q66 ทำจุดสูงสุดของปีจากการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม โดยสังเกตจากใน 1H66 จำนวนผู้ป่วยจีนและตะวันออกกลางปรับตัวสูงขึ้น 83.7% และ 111.1% เมื่อเทียบกับ 1H65 ซึ่งส่วนใหญ่เข้ามารักษาโรครุนแรงและมีความซับซ้อนสูง คาดส่งผลให้รายได้ต่อบิลสูงขึ้นเมื่อเทียบกับ 2Q66 ซึ่งเป็นช่วง Low Seasonประกอบกับจำนวนผู้ป่วยในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากโรคไข้เลือดออกและไข้หวัดใหญ่ที่แพร่ระบาดในฤดูฝน
  • Defensive Stock: ปัจจุบัน มีค่า Beta = 0.65 ซึ่งต่ำกว่า 1 เป็น Defensive Stock เหมาะแก่การลงทุนในช่วงผันผวน
- Advertisement -