บล.บัวหลวง:

i-Tail Corporation (ITC TB / ITC.BK)

ITC – แนวโน้มไตรมาส 4/66 ดูดียิ่งกว่ากำไรไตรมาส 3/66 ที่ออกมาดีกว่าคาด

กำไรไตรมาส 3/66 ของ ITC สูงกว่าที่ตลาดคาดอย่างมาก เนื่องจากการสต็อกสินค้าของลูกค้าหลัก และราคาสินค้าบางรายการที่สูงขึ้น และเราคาดการเติบโตที่ 11% YoY และ 17% QoQ ในไตรมาส 4/66 เราคงคำแนะนำ “ซื้อ!”

กำไรไตรมาส 3/66 เพิ่มขึ้น 45% QoQ – สูงกว่าที่ตลาดคาด 30%

บริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 645 ล้านบาท ลดลง 56% YoY แต่เพิ่มขึ้น 45% QoQ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาด 30% ปัจจัยขับเคลื่อนกำไร QoQ คือการเติบโตของปริมาณส่งออกไปยังสหภาพยุโรปที่ 77% QoQ และไปยังเอเชีย ที่ 30% QoQ อัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นไปเป็น 19.2% จาก 18.4% ในไตรมาส 2/66 (แต่ยังต่ำกว่าอัตรากำไร ขั้นต้นไตรมาส 3/65 ที่ 25.4%) อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายของ ITC ลดลงเหลือ 6.7% ในไตรมาส 3/66 จาก 8.8% ในครึ่งแรกของปี 2566 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ลดลงและการประหยัดต้นทุน (การบริหารจัดการในโรงงานและการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้พลังงานหมุนเวียน และการจัดการอุปทานที่เข้มงวดมากขึ้น)

หากย้อนกลับไปตั้งแต่ไตรมาส 4/65 ลูกค้า ITC รายใหญ่ในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปเริ่มสต็อกสินค้าสูง และชะลอการซื้อสินค้าในไตรมาสถัดๆมา ส่งผลให้กำไรครึ่งแรกของปี 2566 ลดลง 60% YoY ดูเหมือนว่าการสต็อก
สินค้าจะสิ้นสุดลงแล้ว

มุมมองเชิงบวกจากผู้บริหาร

เราเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ของ ITC เมื่อวานนี้ ผู้บริหารมั่นใจแนวโน้มไตรมาส 4/66 ปัจจัยขับเคลื่อนรายได้คือการเติมสต็อกในกลุ่มลูกค้าปัจจุบันในสหภาพยุโรป การมีลูกค้าใหม่ (26 รายใหม่ ทำให้มีลูกค้าทั้งหมด 400 กว่ารายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566) การได้เป็นผู้หลิตให้แบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลกที่ถือเป็นลูกค้าเจ้าใหม่ของ ITC ในไตรมาส 3/66 การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ การปรับราคาและการประหยัดต้นทุน เมื่อมองไปยังไตรมาส 1/67 แม้ว่าเราคาดว่ากำไรจะลดลง QoQ เนื่องจากฤดูกาลในการส่งออกและต้นทุนเพิ่มเติมจากโรงงานแห่งใหม่ แต่คาดว่าจะเติบโต YoY ได้ สำหรับทั้งปี 2024 แม้ ITC จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากโรงงานแห่งใหม่ และอาจได้รับผลกระทบจากค่าแรงขั้นต่ำที่สูงขึ้นในปี 2567 แต่เรายังคงคาดว่าอัตรากำไร ขั้นต้นจะอยู่ที่ 20.6% ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 18.9% ในปี 2566

คาดไตรมาส 4/66 จะเป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่น่าตื่นเต้น

เราคาดกำไรไตรมาส 4/66 เพิ่มขึ้น 11% YoY และ 17% QoQ โดยมียอดขายแข็งแกร่งขึ้นทั่วทุกภูมิภาค โดยเฉพาะการเติมสต็อกในสหภาพยุโรป เราคาดว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในไตรมาส 3-4/66 สำหรับลูกค้าแบรนด์ระดับโลกและลูกค้าแบรนด์ตนเองในฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา เพื่อหนุนการเติบโตของยอดขายในไตรมาสนี้ เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 19.8% เพิ่มขึ้นจาก 18.2% ในไตรมาส 3/66 และ 17.9% ในครึ่งแรกของปี 2566 (แต่ยังคงลดลงจาก 22.4% ในไตรมาส 4/65) โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่สูงขึ้นและราคาวัตถุดิบที่ลดลง ราคาปลาทูน่าดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ในไตรมาส 2/66 ซึ่งลดลงเหลือ 1,900 เหรียญสหรัฐฯ/ตันในเดือนก.ค. 1,800 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ในเดือนส.ค. และ 1,700 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ในเดือนก.ย. โดยราคาในไตรมาส 3/65 จะถูกรับรู้เป็นต้นทุนวัตถุดิบสำหรับไตรมาส 4/66 เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ได้จากวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ที่ 23 บาท

- Advertisement -