บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Land and Houses (LH) กำไร 3Q66 คาดลดลง QoQ และ YoY แต่ 4Q66 เติบโตเด่น
Action BUY (Upgrade)
- TP upside (downside) +28.5%
- Close Oct 31, 2023 Price (THB) 7.50
- 12M Target (THB) 9.70
- Previous Target (THB) U.R.
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 3Q66 ที่ 1.3 พันลบ. (-14.0% QoQ, -32.4% YoY) ลดลง QoQ และ YoY จากการโอนส่งมอบที่ต่ำกว่าคาด เนื่องจากโครงการแนวราบที่เปิดตัวในไตรมาสนี้อยู่ปลายไตรมาสทั้งหมด
- คาดกำไร 4Q66 เติบโตเด่นสูงสุดในปี 2566 จากการโอนต่อเนื่องของโครงการแนวราบและรายได้ค่าเช่า และบริการที่คาดได้ปัจจัยบวกจากช่วง High Season มาช่วยหนุน
Our view
- เราปรับประมาณการกำไรปี 2566 ลง 26.6% จากยอดขายโครงการเปิดใหม่ใน 1H66 และการระบายสินค้าคงคลังต่ำกว่าคาดและต้นทุนที่สูงขึ้น
- คาด 4Q66 กำไรเติบโตเด่นสูงสุดในปี และมีปันผล Div. yield ค่อนข้างสูงอยู่ที่ราว 7- 8%/ปี จึงมองว่าจะช่วยจำกัดความผันผวน
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 9.70 บาท/หุ้น เชิงกลยุทธ์ แนะนำหาจังหวะทยุอยสะสมหลังการรายงานผลประกอบการ 3Q66 ที่ชะลอตัว
คาดกำไร 3Q66 ลดลง QoQ และ YoY
เราประเมินแนวโน้มกำไรปกติ 3Q66 ที่ 1.3 พันลบ. (-14.0% QoQ, -32.4% YoY) ลดลง QoQ และ YoY ทั้งหมด ได้แก่ โครงการ Vive กรุงเทพกรีฑา มูลค่า 2.1 พันลบ. เปิดตัวต้นเดือนก.ย.66 (ยอดจองซื้อ 60%) และ โครงการ Vive บางนากม.13 มูลค่า 3.2 พันลบ. เปิดตัวปลายเดือนก.ย.66 (ยอดจองซื้อ 10%) ส่งผลให้ต้องพึ่งพาเพียงการโอนจาก Backlog และสินค้าคงคลัง เราประเมินอัตรากำไรขันตัน (GPM) จะลดลง -67 bps QoQ และ -122 bps YoY อยู่ที่ 30.4% จากยอดโอนที่ลดลงส่งผลให้การประหยัดต่อขนาดของต้นทุนคงที่ลดลง
ยอด Presale 3Q66 เติบโต QoQ แต่ 4Q66 เติบโตเด่น QoQ และ YoY
บริษัทรายงานยอด Presale 3066 ที่ 5.6 พันลบ. (+38.9% QoQ, -39.9% YoY) เพิ่มขึ้นเด่น QoQ โดยมีแรงหนุนสำคัญจากการเปิดตัวโครงการใหม่ อย่างไรก็ตาม ลดลงอย่างมาก YoY เนื่องจากยอดเปิดตัวโครงการใหม่ทั้ง 3 โครงการ รวมมูลค่า 6.3 พันลบ. (+2.4% QoQ, -50.9% YoY) ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับ 3Q65 ที่ 1.4 หมื่นลบ.
แม้ยอด Presale สะสม 9M66 จะอยู่ที่ 1.4 หมื่นลบ. คิดเป็นเพียง 41.0% ของเป้าหมายทั้งปีของบริษัทที่ 3.1 หมื่นลบ. อย่างไรก็ตาม แนวโน้ม Presale 4Q66 จะเร่งตัวขึ้นเติบโตเด่น QoQ และ YoY หนุนจากแผนเปิดตัวโครงการใหม่กว่า 3.0 หมื่นลบ. (68.3% ของแผนเปิดโครงการปี 2566) โดยประกอบด้วยโครงการแนวสูงขนาดใหญ่ 1 โครงการ มูลค่า 1.5 หมื่นนลบ. ได้แก่ วันเวลา ณ เจ้าพระยา ติดริมแม่น้ำซึ่งปัจจุบันเปิดตัวแล้ว และ QTD มียอดจองซื้อ 30% หรือ 4.5 พันลบ. แล้ว
ปรับลดประมาณการปี 2566/67 ลง 26.6% และ 14.2%
หากผลประกอบการ 3Q66 ใกล้เคียงกับที่เราประเมิน ผลประกอบการ 9M66 จะคิดเป็นเพียง 33.2% ของประมาณการกำไรทั้งปีเดิมของเราที่ 8.3 พันลบ. เราจึงมีการปรับสมมติฐานให้รัดกุมมากขึ้น ได้แก่ 1) ปรับรายได้การโอนลง จากความสามารถุในการระบายสินค้าคงคลังโครงการแนวราบและยอดขายของโครงการเปิดใหม่ในช่วง 1H66 ทำได้ต่ำกว่าที่คาดเดิม และ 2) ปรับอัตรากำไรขันต้นปี 2566 และ 2567 ลง 168 bps ขนาดที่ลดลง อีกทั้งต้นทุนค่าแรงวัสดุกรณ์ก่อสร้างที่สูงขึ้น ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 2566 และ 2567 ลดลง 26.6% และ 14.2% เป็น 6.1 พันลบ. (-24.0% YoY) และ 7.7 พันลบ. (+24.9% YoY) ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้จะมีการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายโรงแรม 2 แห่งในพัทยา ได้แก่ Grande Centre Point และ Grande Centre Point Space โดยเราคาดกำไรหลังหักภาษีที่ราว 2.5-2.8 พันลบ.
รอซื้อหลังประกาศงบ ราคาเหมาะสม ปี 2567 ที่ 9.70 บาท/หุ้น
จากการปรับประมาณการข้างต้น เราประเมินราคาเหมาะสมใหม่ และ Rollover ไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 9.70 บาท/หุ้น (อ้างอิงวิธี SOTP) และปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จากผลประกอบการ 4Q66 คาดจะกลับมาเติบโตโดดเด่นทำจุดสูงสุดในปีจากโครงการแนวราบ Segment บนที่เปิดตัวใหม่ปลาย 3Q66 จะพร้อมโอน และรายได้ค่าเช่าและบริการที่คาดได้ปัจจัยบวกจากช่วง High Season มาช่วยหนุน
นอกจากนี้ เราคาดเงินปันผลปี 2566 และ 2567 ที่ 0.64 และ 0.56 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield สูงถึง 8.5% และ 7.4% ตามลำดับ อีกทั้ง ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมลงทุนที่มีสัดส่วนถึง 40%-60% ของกำไรบริษัทฯ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเรามองว่าจะช่วยจำกัดความผันผวนของบริษัทจากกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ เชิงกลยุทธ์แนะนำเริ่มทยอยสะสม หลังการรายงานผลประกอบการ 3Q66 ที่ชะลอตัว